วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข้อความต่างมิติ จากสภากาแลคติกแห่งแสงสว่างโดย เกร็ก จิลเลสส์  (Greg Giles)
สื่อสารมาเมื่อวันที่ 22 เดือนพฤษภาคม 2012





ด้วยการสนับสนุน และการให้ความช่วยเหลือของพวกเรา เป็นจำนวนมากนั้น
จะสามารถทำให้เกิดความเป็นไปได้อย่างมาก สำหรับโลกใบนี้และผู้คนทั้งหลาย
มันจะไม่มีความขาดแคลนใดๆอีกต่อไป สำหรับทุกๆคนบนโลกของคุณ
ที่จะต้องทนทุกข์ทรมานที่อยู่ในเงื้อมมือของความขาดแคลนหรือความไม่พอเพียงใดๆ
วันนี้ เรามีหนทางและเทคโนโลยีที่สนับสนุนให้จิตวิญญาณที่ลงมาเกิดในร่างมนุษย์
ในการเจริญงอกงามและเติบโต อันเกินกว่าสิ่งที่คุณทุกคนเคยจินตนาการถึง
ในการมาเกิดในมิติทางกายภาพ ของร่างกายมนุษย์

ไม่มีสิ่งใดที่จะไม่บรรลุสำเร็จ เมื่อเราได้ออกเดินทางแล้ว เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายใหม่
เพื่อช่วยให้โลกเข้าถึงระดับความสั่นนะเทือนในระดับที่สูงขึ้น สำหรับอารยธรรมของพวกเขา
 วันนี้ ที่นี่ ในโลกของคุณเอง กำลังมีแผนที่จะเปิดเผยความจริงทั้งหลายให้ปรากฎ
ซึ่งแผนการณ์นี้ได้รับการออกแบบเอาไว้อย่างรอบคอบ 
โดยผู้ที่เป็นจิตวิญญาณแห่งอาณาจักรระดับสูง ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในรอบมหายุค
แผนนี้ไม่ได้เป็นเพียงข้อต่อหลวมๆของชิ้นส่วนที่แตกต่างกัน
หรือข้อเสนอจากประชาชนที่เหลื่อมล้ำกัน จากภาคส่วนของธุรกิจใดๆ หรือแม้ภาพรวมเหล่านั้นทั้งหมดก็ตาม
แต่แผนนี้ เป็นการถักทออันแน่นหนา ด้วยการหลอมรวมความคิดและแนวความคิดจากจิตใจอันยอดเยี่ยม
ของอารยธรรมชั้นสูงจำนวนมากที่ได้รับการสถาปนาขึ้นมา ที่ดำรงอยู่และมีเจริญก้าวหน้า ตลอดทั้วทั้งจักรวาลนี้
ไม่มีหินก้อนใดเลยที่จะไม่ได้รับความเหลียวแลหรือใส่ใจ และไม่มีพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใด ในการดำเนินการเหล่านี้
ที่ไม่ได้รับการศึกษาลงไปอย่างพิถีพิถัน โดยได้รับการวางแผนมาอย่างรอบคอบ
เพื่อจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษสุด สำหรับผู้คนและโลกใบนี้ของพวกคุณ
เรามาพร้อมกับของขวัญที่มีค่ามากมายสำหรับคุณ
ที่จะเปลี่ยนหนทางแห่งความอยู่รอดที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงวิธีสร้างความบันเทิงของคุณ
ในรูปแบบของการพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมกับลู่ทางในการแสดงออกทางด้านดนตรีและศิลปะของคุณ
ในฐานะที่คุณเอง ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงอันมากมายเหล่านี้
คุณก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์การณ์มากมาย เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการขนส่ง
ระบบกำจัดขยะหรือของเสีย ระบบห้องสมุด และระบบการศึกษาของคุณ
การศึกษาในมหาสมุทรของคุณ ที่คุณจะเข้าใจถึงการเปลี่ยนเส้นทางของกระแสน้ำ
อันอาจจะทำให้เกิดปัญหาสำหรับโลกของคุณในอนาคต
 --------------------------------
การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมันจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
มันจะไม่มีสิ่งใดที่เราไม่สามารถรับมือได้
บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยดำเนินการใดๆเลย ในหลายครั้งที่ผ่านมา
สำหรับกองบัญชาการของเรานั้น ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนมาก ที่ผ่านการฝึกอบรม
และมีบุคลากรที่มีทักษะความชำนาญ ที่จะไม่มีพื้นที่ใดๆ ในทุกๆความพยายามที่เราดำเนินการไม่ได้
เรามีบุคลากรที่เพียงพอ และเป็นทีมงานที่ชำนาญการในสาขาเฉพาะด้าน ทั้งทางวิทยาศาสตร์ การเกษตร ธรณีวิทยา
จิตวิทยา สุขภาพ ความมั่งคั่งทางทรัพยากร เรามองไปข้างหน้าเพื่อที่จะร่วมแบ่งปันกับพวกคุณ
ความเชี่ยวชาญที่กว้างขวาง กับทักษะความรู้เหล่านี้ของเรา
ภายใต้สนามพลังงานแห่งการดำเนินงาน และอื่นๆอีกมากมายทีเหมาะสม
เราได้เฝ่าติดตามศึกษาดูโลกของคุณมาตลอดช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนี้
และเราเองมีความเข้าใจเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับบางส่วนของนักวิชาการในสาขาเฉพาะที่ต้องรู้
กับสิ่งที่ต้องทำ อะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลง และอะไรจำเป้นจะต้องทำ
รวมถึงแนวทางและวิธีการที่แม่นยำในการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
และนำผู้คนบนโลกออกมาสู่ การเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์
จากระบบอันซับซ้อนจำนวนมากที่แตกต่างกัน
ที่วันนี้ มันถูกประกอบขึ้นด้วยกลไกภายในของสังคมบนโลกของคุณ
โปรดยินยอมให้เราสามารถช่วยเหลือคุณ
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่เราได้วางแผนกันไว้เหล่านี้
นอกจากนี้เรายังได้วางแผนกำหนดการ
ในการบรรลุผลสำเร็จเอาไว้  ในช่วงเวลาหนึ่งๆที่แน่นอน
ผ่านไปสู่ช่วงเวลา ในหน้าประวัติศาสตร์ของคุณ
โปรดให้เราได้ช่วยคุณทำการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เถิด
โดยการทำให้เรารู้สึกถึงความชื่นชมยินดี
ราวกับว่าเป็นการเยี่ยมเยี่ยนการกลับคืนสู่บ้านของญาติพี่น้องในโอกาสพิเศษ
แน่นอนว่าเราคือครอบครัวของคุณ ที่ได้มาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยี่ยนคุณในช่วงเวลาสั้นๆของการมาชุมนุมรวมกัน
ก่อนที่เราจะต้องเคลื่อนย้ายไปเยี่ยมครอบครัวทั้งหมดของเราที่เป็นสมาชิกในกาแลคซี่ ต่อไปเช่นกัน
นี่คือสิ่งที่เรา "สหพันธ์กาแลคซี่แห่งแสงสว่าง" กำลังทำอยู่
เราใช้เทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมของเรา เพื่อจะช่วยให้เราสามารถขับเคลื่อนไปได้
ในทั่วทุกๆความกว้างใหญ่ของกาแลคซีนี้ ที่ส่องสว่างอย่างสวยงามในจักรวาลของเรา
เราจะหยุดรออยู่ที่โลกใบนี้ จนกว่าเรารู้สึกว่า คุณพร้อมที่จะต้อนรับเราและพี่น้องของพวกเรา
และยินยอมให้เราสามารถช่วยพวกคุณ ให้พากันช่วยเหลือตัวเองได้เป็นอย่างดี
เราได้ทำการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง
ที่จะเลื่อนยกระดับสังคมของพวกคุณให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งความปลอดภัย สุขภาพ ความมั่งคั่ง และความสงบสุข
สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เรียกดาวดวงนี้ว่า บ้านของตน

เราเคยได้ทำเช่นนี้มาก่อน  ในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมาของโลกคุณ 
เราไม่ได้เป็นผู้ที่เดินทางมาใหม่ ที่จะเข้ามาปนเป กับใครในละแวกนี้เลย
ลูกเรือและและเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเทของเราในตำแหน่งสูงๆ ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในภารกิจนี้
เพื่อนำมาซึ่งสันติภาพและความรัก กับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ตั้งแต่การก่อตั้งขององค์กรของเราขึ้น เมื่อล้านกว่าปีที่ผ่านมา
ในวันนี้ มีหลายท่านได้จุติลงมาบนโลกในทางกายภาพ
ในร่างกายมนุษย์โลก ซึ่งเขาก็ยังเป็นสมาชิกในองค์กรของเรา
และก็ยังมีสมาชิกอยู่ในองค์กรอื่นๆของเราอีกนับแสนคน
หากพิจารณาสิ่งนี้  คุณจะยอมรับได้ว่า แท้จริงแล้ว คุณและดาวเคราะห์ดวงนี้นั้น
เคยร่วมกันในความเป็นเพื่อน มาอย่างยาวนาน อย่างเหมาะสม
ที่จะช่วยคุณได้ทำการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จำเป็นต่างๆที่นี่ ในโลกของคุณ
เพื่อช่วยให้มันมีวิวัฒนาการไปยังสถานะที่สูงขึ้นไป
-------------------------------------

เราไม่ต้องการอะไร นอกจากความปรารถนาให้คุณสนใจจิตใจตนเองให้ที่ดีที่สุด
และเราไม่ต้องการอะไร แต่เราให้ความใส่ใจซึ่งกันและกันในทุกๆหนแห่งทั่วจักรวาลทั้งหมดนี้ด้วยหัวใจ
เรามีตัวเลือกมากมาย ในการเลือกพื้นที่ ที่แห่งใดก้ตามที่มีความมานะบากบั่นที่จะวิวัฒน์ต่อไป
ที่จะนำมาให้เราซึ่งความเบิกบานและความสุข อันจะช่วยให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ห่งการผจญภัยใหม่ๆและน่าตื่นเต้น
เราได้สร้างทางเลือกให้เราเอง และเราเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากของขวัญของพระผู้สร้าง ที่เป็นพระผู้สร้างของคุณด้วย
และเราใช้สิ่งเหล่านี้ เพื่อที่จะเดินทางไปทั่วทั้งจักรวาล ที่มีความกว้างใหญ่ไพศาลนี้
และนำกลับไปสู่โลกที่พวกเขาได้เคยดำรงอยู่ในของขวัญที่วิเศษเหล่านั้น ที่ที่เราได้รับพระพรแห่งความศักดิ๋สิทธิ์ ของพระผู้สร้าง

หากคุณมีทางเลือก ที่จะทำได้ในวันนี้
เพื่อให้สามารถที่จะเดินทางไปทั่วจักรวาลทั้งหมดนี้ได้ ในช่วงระยะเวลาอันสั้นของกาลเวลา
สิ่งใดลาะ ที่คุณเลือกที่จะทำ? คุณจะเลือกที่จะปล้นและแทรกซึมโครงสร้างทางสังคมบนโลกนี้
เพื่อวัตถุประสงค์ความโลภของคุณเอง ที่จะนำเอาทองคำของผู้อื่นมาใส่กระเป๋าของคุณ อย่างนั้นหรือ?
คุณต้องการที่จะแสวงหาและทำลายทุกสิ่งที่สวยงามและมหัศจรรย์ 
ที่คุณได้ทำการการออกแบบและสร้างขึ้นมาด้วยมือของคุณ ผ่านทางหยาดเหงื่อแรงงานด้วยความเหนื่อยยาก เช่นนั้นหรือ?
คุณจะเผาผลาญทุกผลงานที่สวยงามของวรรณกรรมบนชั้นวางหนังสือของห้องสมุดที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาหรือไม่?
คุณคิดจะทำลายผลงานเพลงทุกๆชิ้น ที่พวกเขาได้แต่งขึ้นเพื่อแชร์กับผู้อื่นหรอ?
คุณจะแสวงหาหนทางที่คุกคามและเป็นอันตรายต่อครอบครัว
ที่มีประสบการณ์แห่งความยากลำบาก ที่ต่อสู้กับความเจ็บปวดมาแล้วมากมายหรือ ?
คุณจะเพิ่มเติมความทุกข์ยากและนำภัยคุกคามที่เป็นอันตรายไปให้พวกเขาทำไม
ทุกๆคนที่รักของเรา ในนามแห่งชัยชนะ
หรือคุณต้องการจะสร้างทางเลือก เช่นเดียวกับที่พวกเราได้ทำอยู่นี้
ที่จะเป็นการเดินทางไปทั่วทุกมุมของจักรวาลแห่งนี้ นำโลกใบนี้  รวมทั้งของขวัญทั้งหมดที่เราได้รับ
เพื่อนำมาแบ่งปันซึ่งกันและกันและสำหรับทุกๆคน ที่เราได้รับเกียรติอย่างสูงและมีความสุขที่จะได้พบคุณ?

กรุณาใช้เวลาและคิดไตร่เกี่ยวกับคำถามนี้ แล้วถามตัวเองว่าทำไม สภากาแลกซี่แห่งแสงสว่าง
มาอยู่ที่นี่ ในวันนี้ ในโลกของคุณ ซึ่งเรามีความปรารถนาที่จะพบกับคุณ
นี่คือทั้งหมดที่เราได้แบ่งปันกับคุณในวันนี้ และเราจะมีให้กับคุณมากมายยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า
พวกเรารักคุณ พี่ชายและน้องสาวแห่งครอบครัวมนุษย์ของพวกเรา

จากเรา สภากาแลคซี่แห่งแสงสว่าง

วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข้อความสื่อสารทางโทรจิต จากท่าน SaLuSa
ผู้รับการสื่อสาร :  ไมค์ ควินซี่
เมื่่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2012



ตอนที่ 1

กระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) ได้เริ่มต้นขึ้นและดำเนินมาหลายปีแล้ว
ดังนั้น มันจึงไม่ได้ถาโถมใส่พวกคุณในคราวเดียว เพราะว่ามันได้ค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
และจนถึงตอนนี้ พวกคุณก็น่าที่จะกำลังรู้สึกถึงความแตกต่าง ที่มันได้ทำให้เกิดขึ้นกับพวกคุณได้แล้ว

มันคือกระบวนการอันละเอียดอ่อน แห่งการยกระดับความสั่นสะเทือนของพวกคุณขึ้น
ด้วยวิธีการต่างๆมากมายหลายวิธี เพื่อที่จะให้พวกคุณสามารถค่อยๆดูดซับมันได้มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ


เพราะว่าถ้าพวกคุณได้รับพลังงานมากจนเกินไป
และอย่างรวดเร็วจนเกินไปแล้วหละก็
มันก็จะทำให้กระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของพวกคุณได้รับอันตรายได้
และจะไปทำให้ผู้ที่ตอบสนองต่อกระบวนการนี้ได้ช้า
ได้รับผลกระทบในแง่ลบอย่างคาดไม่ถึงได้

กระบวนการนี้ มันกำลังส่งผลกระทบต่อทุกๆจิตวิญญาณที่อยู่บนโลกใบนี้อยู่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม คนบางคน จึงกำลังมีอาการบางอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่ผิดปกติ
ของระบบร่างกายเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

มาถึงตรงนี้ บางทีพวกคุณอาจจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมวันที่ 21 ธันวาคม 2012
ซึ่งเป็นวันที่จะมีกระแสพลังงานเข้มข้นอย่างมากไหลทะลักเข้ามายังโลก
เพราะการเรียงตัวกันของดวงอาทิตย์ของพวกคุณ กับดวงอาทิตย์ใจกลางแกแล็กซี่
(the Great Central Sun) จึงจะเป็นวันที่จะสามารถ “แยก”
คนที่พร้อมแล้วที่จะเลื่อนระดับขึ้น ออกจากคนที่ยังไม่พร้อมที่จะเลื่อนระดับขึ้นได้

แต่ทางเลือกก็จะยังเป็นของพวกคุณอยู่เสมอ ดังนั้น จงอย่าได้เป็นกังวลไป
ถ้าพวกคุณคนใดเลือกที่จะคงอยู่ในมิติปัจจุบันนี้ของพวกคุณต่อไป
เพราะว่าบนเส้นทางวิวัฒนาการของพวกคุณในระยะยาวแล้ว มันก็จะไม่ต่างอะไรกันเลย

เพราะว่าโอกาสที่จะได้เลื่อนระดับขึ้นแบบนี้นั้น
มันจะมีมาอยู่เสมอๆเป็นระยะๆนั่นแหละ
(ราวๆทุกๆ 26,500 ปี - ผู้แปล)


และแน่นอนว่า ถ้าพวกคุณคนใด มีความตั้งใจที่จะเลื่อนระดับขึ้นจริงๆ
โดยการใช้พลังอำนาจแห่งความตั้งใจอย่างเต็มที่แล้วหละก็
พวกคุณก็สามารถที่จะเลื่อนระดับขึ้นไปได้แบบเดี่ยวๆเช่นเดียวกัน


ตอนที่ 2

พระเจ้าได้วางแผนแม่บทนี้เอาไว้ให้นานมาแล้ว นั่นจึงทำให้สามารถรับประกันได้ว่า
วัฏจักรนี้จะสิ้นสุดลงด้วยการเฉลิมฉลองชัยชนะของผู้ที่แสวงหาหนทางกลับคืนสู่แสงสว่างทั้งหลาย
เพราะว่าพวกคุณ ได้ผ่านการเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในระดับชั้นที่มีความสั่นสะเทือนต่ำที่สุด ของจักรวาลนี้
มานับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว บัดนี้ พวกคุณได้สั่งสมประสบการณ์จากการเวียนว่ายตายเกิดบนโลกใบนี้
เอาไว้มากมายแล้ว มากยิ่งกว่าตอนที่พวกคุณลงมาเกิดเป็นครั้งแรกซะอีก

แต่เมื่อพวกคุณย้อนกลับไปมองดูพวกมันแล้ว พวกคุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกชื่นชมยินดีกับพวกมันเสมอไป
เพราะว่าประสบการณ์ชีวิตในบางภพชาติของพวกคุณ ก็เป็นวิวัฒนาการไปในด้านลบมากๆก็มี

และด้วยความน่าจะเป็นทั้งหมดแล้ว พวกคุณจะไม่สามารถจดจำตัวเองได้ ว่าเป็นตัวตนเดียวกับที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
แต่นั่นก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรนักหรอก แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกคุณมีความมุ่งมั่นที่จะจดจำให้ได้จริงๆแล้วหละก็
ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยออกมา จากข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้ใน Akashic record ทั้งหลาย

(หมายเหตุ: Akashic record หรือ บันทึกแห่งฟ้า เป็นระบบการบันทึกข้อมูลความเป็นไปทุกๆอย่าง
ของแต่ละจิตวิญญาณที่มาเกิดบนโลกมนุษย์ ซึ่งระบบบันทึกแห่งฟ้านี้ ประกอบไปด้วย 3 ส่วน
ได้แก่ DNA ของมนุษย์เอง, โครงข่ายพลังงานคริสตัลไลน์ของโลก, และคริสตัลในถ้ำแห่งการสรรสร้าง

อ่านข้อมูลโดยละเอียดได้จากกระทู้ในลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ – ผู้แปล)

“ข้อความจากต่างมิติ-ระบบบันทึกแห่งฟ้า-the-akashic-system-โดยครายออน”

http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8...99-284651.html


ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปทุกสิ่งในชีวิต ในทุกๆภพชาติของแต่ละจิตวิญญาณจะถูกบันทึกเอาไว้ทั้งหมด
และโดยธรรมชาติแล้ว ข้อมูลส่วนที่จะช่วยยกระดับพวกคุณให้สูงขึ้นได้นั้น จะเป็นข้อมูลส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุด
แต่ก็จงอย่าลืมว่าท่ามกลางจำนวนภพชาติทั้งหลายเหล่านี้ ในแต่ละครั้งที่พวกคุณวิวัฒน์ขึ้นไปได้
พวกคุณก็จะคือผลรวมของประสบการณ์ทั้งหมดที่พวกคุณได้สั่งสมมาจนถึง ณ.จุดนั้นนั่นเอง

ไม่เคยมีประสบการณ์ไหนเลยที่จะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย สำหรับพวกคุณ
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกคุณถึงได้ลงมาเกิดในภพชาตินั้นๆ
พวกคุณเลือก(ประสบการณ์ต่างๆที่จะเผชิญ – ผู้แปล)
มาจากสิ่งที่มีความจำเป็นต่อวิวัฒนาการขั้นต่อๆไปของพวกคุณเอง


และผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดมากกว่าพวกคุณ (บรรดาเทพผู้นำทางของเรา – ผู้แปล)
ก็จะคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำว่าอะไรที่ดีที่สุดสำหรับพวกคุณอยู่เสมอ



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

เทพผู้นำทางของพวกคุณ ปกติแล้ว จะอยู่กับพวกคุณภพชาติแล้วภพชาติเล่า และนั่นแหละคือวิธีการรับใช้พวกคุณ
และรับใช้พระเจ้าของพวกเขาหละ พวกเขาจะคอยปกป้องพวกคุณ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็จะคอยนำทางพวกคุณ
ให้ผ่านพ้นประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงปราถนาทั้งหลาย ที่พวกคุณได้เลือกเอาไว้แล้วนั้น ไปให้จงได้
และมันจะไม่เป็นผลดีเลยที่พวกคุณจะหลบเลี่ยงประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงปราถนาเหล่านี้
เพราะว่านั่น รั้งแต่จะทำให้พวกมันหวนกลับคืนมาใหม่อีก ครั้งแล้วครั้งเล่า เท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้น จงเรียนรู้มัน ไม่ว่ามันจะคืออะไรก็ตาม
และเพราะว่ามันคือสิ่งที่พวกคุณจำเป็นจะต้องเข้าใจมันด้วย
ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ปกติแล้ว
ก็จะทำให้พวกคุณไม่ต้องถูกขอให้กลับมาเผชิญกับมันอีกครั้งหนึ่ง

...........
ตอนที่ 3


อาจจะพูดได้ว่า มีพวกคุณหลายคน ที่ได้มาถึงปลายทางสายนี้แล้วในขณะนี้
ซึ่งพวกคุณก็จะสามารถรู้ได้โดยสัญชาตญาณของตัวเองอยู่แล้ว
ดังนั้น ช่วงระยะเวลาสุดท้ายบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ของพวกคุณ จึงจะถูกพวกคุณควบคุมไว้ได้อย่างดี
และมันก็จะผ่านพ้นไปอย่างง่ายดายด้วย เพราะว่าพวกคุณมีความสงบสุขอยู่ภายใน

มันมาจากการที่พวกคุณรู้ตัวอยู่ว่า พวกคุณได้มาถึงจุดหมายปลายทางของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
และมาจากการที่รู้ตัวว่า พวกคุณได้ทำลายพันธะร้อยรัดทางโลกทั้งหลาย
ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองอีกต่อไปแล้ว ไปหมดเรียบร้อยแล้ว

และแน่นอนว่า สำหรับผู้ที่ยังชำระสะสางตัวเองให้หลุดพ้นจากพันธนาการเหล่านี้ได้ไม่หมดสิ้น
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ พวกคุณก็จะยิ่งพบว่า พวกมันสามารถดึงดูดพวกคุณเอาไว้ได้น้อยลงเรื่อยๆเท่านั้นด้วย

ในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจมากที่สุดบางส่วน
กำลังจะเกิดขึ้นนี้ พวกเราหวังจะพึ่งพาอาศัยบรรดา Light worker ทั้งหลาย
ให้ออกมาช่วยเหลือผู้ที่จะตกอยู่ในความหวาดกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเหล่านี้ด้วย


เพราะว่ามันจะเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะพังทะลายลงมาแล้ว
และบางส่วนก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้นจริงๆ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหล่านี้ก็ได้ถูกคาดหมาย
และได้ถูกวางแผนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว เพื่อใช้เป็นวิธีการอย่างหนึ่ง
ในการกำจัดสิ่งกีดขวาง ที่ขวางทางไปสู่
การมีชีวิตที่สุขสงบในท้ายที่สุดของพวกคุณออกไป


พวกเรารู้วิธีการแก้ปัญหาต่างๆของพวกคุณดี และด้วยความร่วมมือกันระหว่างพวกเรา
กับพันธะมิตรที่อยู่บนโลกของพวกเรา จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว
และนี่คือข้อมูลข่าวสารในแบบที่ชาวโลกจะต้องการ
และพวกเราก็จะออกมาปราศัยต่อชาวโลกเองในเร็ววันนี้
ดังนั้น ชาวโลกทุกๆคนก็จะได้ยินเสียงของพวกเรา

.....................

ตอนที่ 4


มันจะมีการเปิดเผยข้อมูลหลายอย่าง ซึ่งจะทำให้พวกคุณ
ถึงกับช็อกไปตามๆกัน ไม่มากก็น้อย
ไม่ว่าพวกคุณจะรู้สึกว่าตัวเองได้เตรียมความพร้อมมาดีแล้วแค่ไหนก็ตามแต่
เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะแน่นอนแล้วว่า
พวกมันจะเป็นเรื่องอะไรที่ลึกลงไปกว่านั้นอีกมากมายนัก

ซึ่งเรื่องที่จะเปิดเผยบางเรื่อง ก็จะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อโดยสิ้นเชิง และ รายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมดของมัน
ก็ยังไม่เคยถูกเปิดเผยให้ประชาชนผู้อยากรู้อยากเห็นได้รู้มาก่อน เพียงแต่กล่าวแค่ว่า
ได้มีการก่ออาชญากรรมชั่วร้ายหลายอย่างเกิดขึ้นกับพวกคุณเท่านั้นเอง

การเปิดเผยในครั้งนี้จะอธิบายให้พวกคุณเข้าใจ ถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังเป็นปริศนาสำหรับพวกคุณอยู่
และอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกคุณจะได้เข้าใจด้วยว่า ทำไมอาชญากรรมมากมายที่เกิดขึ้นในช่วง 50 ปีมานี้
หรือราวๆนั้น ถึงถูกปล่อยให้ผ่านพ้นไปเฉยๆ โดยไม่มีใครถูกนำมาลงโทษเลย

แน่นอนว่า พวกคุณยังสามารถกลับไปเช็คดูที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ด้วย แล้วพวกคุณจะสงสัยว่า
ทำไมถึงมีจำนวนคนที่เป็นระดับผู้นำ ถูกนำมาขึ้นศาลเพื่อตอบคำถามต่ออาชญากรรม
ที่พวกเขาได้ก่อไว้แก่มวลหมู่มนุษย์ชาติน้อยคนเหลือเกิน

ที่รักทั้งหลาย เพราะว่ามันเป็นการสมรู้ร่วมคิดกัน เพราะว่ามันมีผลประโยชน์ที่น่าสนใจมากกว่า
อยู่ท่ามกลางผู้มีอิทธิพลทั้งหลายเหล่านี้ เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่ถูกยึดมาได้
โดยการยินยอมให้อาชญากรเหล่านี้เข้ามาเป็นพรรคพวก แทนที่จะนำไปฟ้องร้องดำเนินคดีในศาล

มันไม่สำคัญเลยว่าอาชญากรรมเหล่านั้น จะเกิดขึ้นนานแค่ไหนแล้วก็ตาม หรือว่าหลักฐานต่างๆ
จะถูกทำลายไปหมดแล้วหรือไม่ เพราะว่าพวกเราสามารถย้อนเวลากลับไปเอามันมาได้อยู่ดี
ดังนั้น มันจึงไม่มีทางหนีพ้นไปจากความยุติธรรมและความเป็นจริงไปได้
และอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ความจริงแล้วหละก็ มันก็จะถูกระบุออกมาว่ามันไม่ใช่ความจริง อย่างที่มันเป็นจริงๆ

แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าตั้งใจจะให้พวกคุณกลัวหรอกนะ
แต่เมื่อใดที่พวกคุณตายจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งเดียวกันนี้ ก็จะเกิดขึ้นกับพวกคุณด้วย
เมื่อ “กระบวนการทบทวนชีวิต” ของพวกคุณเองเกิดขึ้นกับพวกคุณ

เมื่อนั้น พวกคุณจะไม่สามารถโกหกแม้กระทั่งตัวเองได้เลย อย่างที่พวกคุณบางคนชอบทำ
เพื่อทำให้ตัวเองเชื่อว่า ความเป็นจริงต่างๆมันเป็นอย่างอื่น ซึ่งแตกต่างไปจากที่พวกมันเป็นจริงๆ


พวกคุณจะไม่สามารถทำให้มันเป็นอย่างอื่นไปได้เลย
เพราะว่าพวกคุณจะเรียนรู้จากสิ่งใดได้
ถ้าไม่ใช่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง
พวกคุณทั้งหมดเป็นคนสร้างพวกมันขึ้นมาเอง
และพวกมันก็ไม่ได้มีไว้เพื่อการกล่าวโทษพวกคุณด้วย
เพียงแต่ว่า พวกมันถูกบันทึกเอาไว้เป็นประสบการณ์เท่านั้นเอง
ตอนที่ 5 - จบข้อความของท่านซาลูซ่าครับ


พวกเราอยากจะกล่าวว่า จงเพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่งดงามของตัวเอง
บนโลกใบนี้เถิด เพราะว่าพวกคุณ อาจจะไม่มีโอกาส
ที่จะได้มีประสบการณ์แบบนี้อีกแล้ว
แม้ว่าบางครั้งบางคราว มันจะเป็นประสบการณ์ที่สุดขั้ว
จากด้านหนึ่ง ไปสู่อีกด้านหนึ่งก็ตาม
แต่นั่นก็ช่วยทำให้ประสบการณ์ต่างๆของพวกคุณ ลุ่มลึกมากขึ้น

ในอนาคตข้างหน้า ชีวิตของพวกคุณจะราบเรียบมากยิ่งขึ้น
และจะดำรงอยู่ในความสงบและเยือกเย็นมากยิ่งขึ้นด้วย
ดังนั้น มันจึงจะไม่ค่อยมีความสุดขั้วอยู่เลย
เว้นเสียแต่ว่า พวกคุณจะเลือกที่จะให้มันเป็นเช่นนั้น เท่านั้นเอง

การผจญภัยจะเป็นวิถีชีวิตของพวกคุณ และจะทำให้พวกคุณได้รับการเติมเต็มครั้งยิ่งใหญ่
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกคุณจะท่องเที่ยวไปไกลแค่ไหนก็ตามแต่
บุคคลอันเป็นที่รักของพวกคุณทั้งหลาย ก็จะอยู่ห่างออกไปแค่หนึ่งช่วงความคิดเท่านั้นเอง
และด้วยการท่องเที่ยวแบบฉับพลันทันที เพื่อนฝูงของพวกคุณก็จะสามารถมาถึงพวกคุณได้ในบัดดล


เราคือ ซาลูซ่า จากดาวซีรีอุส เราสามารถมองเห็นความน่าจะเป็นทั้งหลาย ที่กำลังรอคอยพวกคุณอยู่ได้
และมันก็เป็นสิ่งที่ดีมาก ที่สามารถบอกพวกคุณได้แล้วว่า
พวกคุณได้ชนะวันนั้นมาเรียบร้อยแล้ว

(ตรงนี้น่าจะกำลังพูดถึงความน่าจะเป็นของการเกิดวันสิ้นโลกอยู่นะครับ – ผู้แปล) ทุกสิ่งทุกอย่าง จะกลับกลายมาเป็น อย่างที่พวกคุณได้ถูกชี้นำให้เชื่อมาตั้งแต่ต้น
แต่มันเกือบจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า มันน่าจะเป็นอะไรที่ดีซะยิ่งกว่าที่พวกคุณ
จะสามารถจินตนาการได้มากมายนัก


Thank you SaLuSa.

Mike Quinsey.

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข้อความสื่อสารทางโทรจิต จากท่าน SaLuSa เมื่่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2012

ข้อความสื่อสารทางโทรจิต จากท่าน SaLuSa
ผู้รับการสื่อสาร :  ไมค์ ควินซี่
เมื่่อวันที่ 18  พฤษภาคม 2012
http://galacticchannelings.com/english/mike18-05-12.html





เรารู้ว่ามีบางคนที่สงสัยว่า...
เหตุใดจึงดูเหมือนว่า มีการดำเนินการที่ยาวนานมาก ในการเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้...?
ประการแรก เราต้องบอกว่า กิจกรรมที่เรามีส่วนร่วมนั้นกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
และเราก็ได้ทำภาระกิจนี้อย่างเต็มที่แม้ว่าคุณจะไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เราได้ดำเนินการเลยก็ตาม
เหล่านี้ก็เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับช่วงเวลาสุดท้าย และแน่นอนสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปที่เราต้องปรับแผนให้เข้ากัน
บวกกับผู้มีอำนาจผ่ายมืดได้กลายเป็นความยุ่งยากที่จะลบออกไป ยิ่งกว่าที่เราคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม เราก็ได้รับอำนาจอันชอบธรรม ที่จะดำเนินการโดยตรงกับพวกเขา
เมื่อการแสดงตนของพวกเราจะทำให้ทุกคนรู้สึกได้ ซึ่งจะได้รับผลกลับมา เป็น รางวัลที่คุ้มค่า
เรามีทั้งหมด ที่จะหยุดฝ่ายมืดในช่องทางเดินของพวกเขา
และเราจะไม่อนุญาตให้พวกเขามีโอกาสที่จะกลับไปสู่เลห์กลใดๆก่อนหน้านี้อีกแล้ว 
เราต้องขอยกย่องอย่างที่สุด สำหรับการจัดการกิจกรรมต่างๆในลักษณะที่เป็นบวกอย่างที่สุด
และดีที่สุดเท่าที่คุณได้ดำเนินการต่อสู้ กับผู้คนของฝ่ายมืด ซึ่งมันก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
มันเปิดทางช่วยให้เราสามารถเพิ่มรับผิดชอบมากขึ้น
และเราขอส่งเสริมให้คุณนำเรื่องนี้ไปข้างหน้าด้วยตัวเอง 
เพราะคุณต้องรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่คุณได้ยินยอมให้มันเกิดขึ้น.
แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทำมันทั้งหมด ให้ไกลห่างจากเรื่องพวกนี้
ขณะที่พวกเรา สหพันธ์กาแลคซี่แห่งทางช้างเผือก จะมีบทบาทสำคัญมากในการเข้ามารับบทดังกล่าว
เราอยู่ที่นี่ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าคุณจะปลอดภัยจนถึงการ เลื่อนระดับขึ้น
และแนะนำคุณถึงครอบครัวอวกาศของคุณ  และข้อได้เปรียบจำนวนมากที่ได้รับการเก็บซ่อนไว้จากคุณ
คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ ทุกสิ่งที่กำลังใกล้จะมาถึงจุดเริ่มต้นของมันแล้ว
และบางสิ่งที่เป็นไปเพื่อการล้มทำลายในไม่ช้า ที่คุณจะได้รับทราบเกี่ยวกับรายละเอียดของมัน
ในตอนนี้ คุณอาจจะตระหนักถึงเหตุผลหลายอย่าง ที่เราไม่สามารถบอกกับคุณได้มากนักในด้านข้อมูล
โดยเฉพาะวันเวลาที่เกี่ยวข้อง บางครั้ง แม้แต่เราเองก็ไม่แน่ใจว่า เมื่อใดเราที่จะเริ่มการแสดงนี้
ก็ต่อเมื่อ เราสามารถทำให้สถานการณ์นั้น เป็นไปอย่างถูกต้อง สำหรับเราที่จะประสบความสำเร็จได้
มีพวกเราอยู่ไม่น้อย ที่ช่วยประสานงานกันอยู่ ทุกๆเรื่องกับพันธมิตรบนโลก ที่มีการวางแผนไว้เป็นจำนวนมาก
ที่เราต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่เหล่าพันธมิตรทำ ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าเขามีพยานหลักฐานจำนวนมาก
ที่เตรียมไว้เพื่อการดำเนินคดี ซึ่งเขาพร้อมที่จะยืนขึ้นและเปิดเผยความจริง
โดยปกติแล้วเราจะคอยปกป้องเขาไว้ แต่ครอบครัวของพวกเขาเอง
ก็อาจตกอยู่ภายใต้การคุกคาม และกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นได้
ที่รักทุกท่าน การทำความสะอาดนี้กำลังเป็นไปด้วยดี ภายใต้วิธีการที่เหมาะสม
และจะดำเนินการต่อไปจนกระทั่งผู้ที่สร้างปัญหาหลักเหล่านี้จะถูกลบออกไป
ซึ่งมีเดิมพันสูงมากที่จะเสี่ยง จึงจำเป็นต้องมีความชัดเจนสำหรับปฎิบัติการที่ต่อเนื่อง เพื่อให้จบงานได้อย่างรวดเร็ว
ให้เกิดความสะดวกกับผู้คนทั้งหลาย ในการ"ประกาศข่าว"ออกไปให้เป็นที่รู้จักต่อประชาชนบนโลก
ในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ในสิ่งที่เราทำนั้น เราไม่ต้องการให้มีการตีความผิดๆในการกระทำของเรา
มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของโปรแกรมแห่งการรู้แจ้ง ที่จะนำพาคุณไปสู่เส้นทางแห่งการเลื่อนระดับ
ที่จะเกิดการล่มสลายลงของ ความเป็นจริงเก่าๆ จะถูกปลดออกทั้งหมดจากสถานที่ในอนาคตของพวกคุณ
 มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เราจะมีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์นี้
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ใช้เวลายาวนานเช่นที่คุณจินตนาการถึง.
ดังนั้น จงอดทนและเข้าใจว่าผลของมันจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคุณ
การเลื่อนระดับขึ้น เป็นกระบวนการที่มาถึงสำหรับทุกๆจิตวิญญาณในที่สุด ในกรณีที่จำเป็นหลายครั้ง.
ความจริงก็คือว่า คุณจะไม่ต้องการที่จะอยู่ในมิติที่ต่ำกว่าเช่นนี้ตลอดไป.
กับสิ่งทีน่าดึงดูดของมัน  แต่เมื่อคุณได้พิชิตมันและเอาชนะการสั่นสะเทือนที่ต่ำๆนี้ได้
คุณก็จะต้องการที่จะย้ายออกไป  โดยไม่คำนึงถึงว่าคุณมีการสั่นสะเทือนต่ำๆอยู่ในขณะนี้หรือไม่
เพราะคุณเองมีแรงขับเคลื่อนภายในที่ได้รับการกระตุ้นเตือนอยู่เสมอ .
อำนาจด้านมืด จะชอบมาก หากคุณไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้
และมันจะนำพาคุณไปประสบกับปัญหาสารพัด เพื่อให้คุณตกอยู่ในวังวนแห่งความมืด
แต่ก็มีหลายคนที่เข้ามาอยู๋ในแสงสว่าง จนพวกเขาได้ตื่นขึ้นแล้ว ดังนั้นเขาจึงเข้ามารวมและก้าวเดินไปกับเรา
ในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และในวันหนึ่งข้างหน้ามันจะได้รับการยอมรับว่าทุกคนนั้นล้วนเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด
และการนำเอาความแตกต่างกันทางศาสนาและความเชื่อที่ไม่สอดคล้องกับความจริงนี้ออกไป
ที่พวกคุณจะเบ่งบานและพบกับเส้นทางที่แท้จริงของคุณ
หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับคุณที่คุณก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
และคุณจะมุ่งไปที่เรื่องของพลังงานจำนวนมากที่ล้อมรอบคุณ. ส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานจากธรรมชาติ
รวมทั้งอื่นๆที่มนุุษย์ทำขึ้น ที่มันจะไม่จำเป็นหรือมีประโยชน์กับคุณมากนัก.
ในความเป็นจริง บางอย่างก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณด้วย
หากคุณยังคงยอมให้ตัวเองต้องเผชิญอยู่กับสิ่งเหล่านี้. มันไม่ได้เป็นความผิดของคุณเสมอไป
แต่คุณมักจะไม่สนใจคำเตือนจากแหล่งที่มาของมัน เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณโดยตรง
ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณเท่าที่คุณรู้จัก ก็คือรังสีนิวเคลียร์
แต่ในอนาคต  แหล่งที่มาของพลังงานจะสะอาดและปลอดภัย. จะมีพลังงานฟรีอยู่รอบๆตัวคุณ
และจะถูกใช้เพื่อให้บริการทุกๆความต้องการของคุณ. ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวจำนวนมากนี้มีอยู่แล้ว
แต่มันถูกเก็บซ่อนเอาไว้  ไม่ได้รับการปลดปล่อยให้ออกมาสู่พวกคุณ เพราะมันถูกซ่อนไว้อย่างจงใจ
ความฝันกำลังจะกลายเป็นจริง
และคุณจะได้รับการยกขื้นออกมาจากสิ่งท้าทายเพื่อความอยู่รอดในชีวิตประจำวัน
ไปสู่ที่พำนักในสวรรค์. มันเป็นของขวัญจากพระเจ้า
แต่สิ่งหนึ่งที่คุณได้รับผ่านความมุ่งมั่นของคุณ เพื่อที่จะเอาชนะความเป็น ทวิภาวะ
เพราะคุณได้เลือกประสบการณ์ของคุณเอง และมีการพัฒนาจนเป็นผลให้ปรากฎขึ้น
และจะเข้าร่วมกับเราในมิติที่สูงขึ้นแน่นอน
เรารอคอยการกลับมาของคุณด้วยความปราถนาดี  และเราจะได้พบกับคุณบนโลก
และส่องแสงบนทางเดินให้กับระยะทางต่อไปในประสบการณ์ของคุณ.
ต่อจากนี่ไป มันจะเป็นความสุขที่จะมีชีวิตอยู่ และน่าตื่นเต้นที่จะวางแผนการผจญภัยของคัวคุณเอง
ที่จะนำคุณไปรอบๆ กาแล็กซี่ในการสำรวจ และการมีส่วนร่วมในสิ่งมหัศจรรย์มากมายที่มีอยู่เหล่านั้น
ใช้เวลาในแต่ละวันที่มาถึง ด้วยความพร้อมและไม่ต้องกลัวอะไร.
ขณะที่ เรามักบอกกับคุณบ่อยๆว่า กระบวนการทั้งหมดยังคงก้าวหน้าไปด้วยดี
พวกเราและพี่น้องแห่งโลกใต้พิภพของคุณ ก็ใกล้ที่จะเปิดเผยตัวในการประชุมร่วมกับคุณ.
แต่มันจะต้องมีความปลอดภัยสำหรับการประชุมดังกล่าว ที่คุณจะเข้าใจและไม่มีข้อสงสัยใดๆ
เราได้ดำเนินการทั้งหมดมาไกลมากพอ ที่จะทำให้ฉากสุดท้ายของละครเรื่องนี้ เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ซึ่งคุณจะเพลิดเพลินไปกับวันที่จะมาถึงเร็วๆ นี้.
เมื่อคุณได้รับการปลดปล่อยออกมาจากผู้มีอิทธิพลฝ่ายมืด การบรรเทาทุกข์จะเข้ามาโอบอุ้มคุณขึ้นทันที.
ความรู้สึกรอบๆตัวคุณ จะนำมาซึ่งความสุข ความเบิกบาน
และความคาดหวังที่ดีสำหรับอนาคต ที่จะอธิบายได้อย่างเต็มที่ก่อนที่จะมีการเลื่อนระดับขึ้นไป
เราคือ   SaLuSa จากซิริอุส
และเราบอกให้คุณทราบถึงการดำรงอยู่ตามธรรมชาติของคุณนั้น
ไม่จำเป็นต้องตกอยู่ในความเศร้าโศกหรือการประสบความยากลำบากใดๆเลย
และไม่ได้หมายถึงการมีชีวิตที่เต็มไปด้วยการต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด
แม้ในมิติปัจจุบันของคุณ ก็จะเป็นความแตกต่างกันโดยสิ้นเขิง
ดังเช่น ความโลภ และความปรารถนาที่เกินเลย
ของผู้ที่แสวงหาความมั่งคั่งให้กับตัวเอง บนผลประโยชน์ของผู้อื่น.

คุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงามของความรักความตั้งใจดังกล่าว
หากเพียงแต่คุณ ยินยอมให้กับผู้ที่เป็น "ผู้จิตวิญญาณแก่นแท้"ของคุณ
มันเป็นเวลาที่จะแสดงสีสันที่แท้จริงของคุณ ที่เป็นแค่เพียงรัศมีรอบตัวคุณ ให้มีการเตรีบมพร้อม
ชื่นชมยินดีและเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สำหรับเวลาในรอบนับพันๆปีของคุณ
ขอขอบคุณ  เราคือ SaLuSa


วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข้อความสื่อสาร จากสภากาแลคซี่แห่งแสงสว่าง

โดย เกร็ก จิลเลสส์  (Greg Giles)
สื่อสารมาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม  2011




ดาวเคราะห์ของเรา ได้ยืดอ้อมแขนแห่งความรักของเธอออกไป
เพื่อให้การต้อนรับอันอบอุ่น กับสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกที่แตกต่างกัน
จนมาถึงโลกนี้ และโลกอื่นๆในจักรวาล


มีบางส่วนของรูปธรรมชีวิตที่เดินทางมาที่นี่
ได้ทำสิ่งที่อยู่ในความสนใจของตนเองเช่นกัน
บางกลุ่มเข้ามาปล้นชิงทรัพยากรของโลกกันอย่างเป็นระบบ
แผนของพวกเค้าดำเนินไปตามกระบวนการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
จนกว่าพวกเค้าจะทำให้ดาวเคราะห์ของคุณถึงกาลล้มละลาย
เขาจึงจะปล่อยมือจากไป เพื่อไปปล้นสะดมอีกโลกหนึ่งต่อไป


เรา สภากาแลกซี่แห่งแสงสว่าง  ก็ได้เฝ้าสังเกตติดตามสถานการณ์นี้อยู่เสมอมา
และมันก็ถึงเวลาในการก้าวเข้ามา เพื่อสิ้นสุดวงจรของการละเมิดหรือข่มเหงนี้
จนทุกวันนี้ โลกของคุณได้เป็นอิสระจากผู้บุกรุก
ที่ไม่ได้รับเชิญและเป็นอันตรายเหล่านี้แล้ว
พวกเขาเคยได้เข้าครอบครองอาวุธยุโธปกรณ์
หรืออะไรก็ตามมนุษย์ได้เคยพัฒนาไว้มายาวนานมาก
ที่เป็นทั้งระบบการป้องกัน แม้กระทั่งระบบควบคุมเพื่อการโจมตีต่างๆ


พวกเรา ก็ได้ทำการย้ายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ออกไปจากระบบโลกเรียบร้อยแล้ว
ให้ไปอยู่ในที่ซึ่งพวกเขาจะไม่สามารถเข้ามาแทรกแซง
หรือรบกวนการเดินทางของมนุษยชาติได้อีกต่อไป

ไม่มีอะไรหรือไม่มีใครจะได้รับอนุญาตที่จะแทรกแซง กับเรื่องการเลื่อนระดับขึ้นของคุณ
เข้าสู่สถานะของมิติที่สูงขึ้นอีกแล้ว และนี่ก็คือเหตุผลที่เรามาที่นี่
เพื่อช่วยปกป้องสิทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณ

และมาทำหน้าที่เป็นผู้นำร่องในการเดินทางของคุณ
เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อลักขโมยใดๆ เนื่องจากพวกเรามาจากมิติที่สูงกว่า
เรามีสิ่งที่เราปรารถนาหรือต้องการเหล่านั้นทั้งหมดอยู่แล้ว


นี่คือวิธีที่จักรวาลได้ทำการออกแบบไว้ และนี้ก็คือสิ่งที่คุณจะได้มีส่วนร่วมกับเรา ในเร็วๆนี้
ที่คุณจะสนุกสนาน กับการได้รับประสบการณ์การก้าวกระโดด อันไม่น่าเชื่อ
จากโลกในมิติที่สาม ไปสู่โลกในมิติที่ห้า
มีหลายแง่มุมในชีวิตประจำวันของคุณ ที่เร็วๆนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง
และคุณจะได้รับอิสระภาพอย่างมากมาย
จากการดิ้นรนต่อสู้ในชีวิตประจำวันของคุณ และการตรากตรำอันเหน็ดเหนื่อย
จากการทำงาน ที่เป็นฟันเฟืองภายในระบบเครื่องจักร และอุตสาหกรรมเหล่านั้น
อันเป็นเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตประจำวันของคุณ ออกไป
ที่คุณจะรู้ว่า แท้จริงแล้วมันเป็นไปเพื่อความโลภอันไม่มีขีดจำกัดนั่นเอง

ให้เรามีโอกาสที่จะช่วยคุณด้วยความมานะพยายามที่ยิ่งใหญ่นี้เถิด
เราเพียงมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคุณ จักรวาลนี้ได้รับการพัฒนาผ่านระดับชั้นของมิติ
ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการกำหนดขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเจาะจง
เช่นเดียวกับการช่วยเหลือด้วยมืออันนุ่มนวล ที่ส่งลงมาจากมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง

เราทั้งหมดได้ช่วยเหลือซึ่งและกัน ที่จะช่วยกัน"ยก"มิติที่ต่ำกว่าขึ้นไป สู่จุดที่เราเป็นอยู่ในขณะนี้

นี้คือการออกแบบ และเป็นกระบวนการที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่
โปรดอนุญาติให้เราสามารถเข้ามาช่วยเหลือคุณเถิด
เราได้แผ่ขยายมือของเราออกไป ในการให้บริการกับคุณอย่างนอบน้อม
ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกกลัวพวกเราอีกต่อไปแล้ว

ในขณะนี้ ทั้งหมดกำลังเป็นไปด้วยดี คุณกำลังได้รับการปกป้อง
ยานอวกาศแห่งแสงสว่างที่เยี่ยมยอดของเรา จำนวนที่มากมาย ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว
พร้อมด้วยสมาชิกลูกเรือที่อุทิศตนและทุ่มเทของเรา ที่มีการฝึกฝนอบรมมาแล้วอย่างครอบคลุม
เพื่อให้บริการให้กับมนุษยชาติในเวลานี้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเราที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ส่วนบุคคลกับคุณมากยิ่งขึ้น

เราพร้อมที่จะก้าวไปสู่ภารกิจของเรา และเริ่มต้นที่จะทำการติดต่อกับคุณ
นี่คือสิ่งที่หลายๆท่าน รู้สึกกระตือร้อล้นอย่างยิ่ง ในการรอคอยนี้
การประชุมครั้งนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน คุณสามารถมั่นใจได้แน่นอนในเหตุการณ์นี้
กับการเตรียมการขั้นสุดท้ายที่จะเริ่มต้น
จงเตรียมตัวที่จะได้ต้อนรับพวกเรา บอกกล่าวเพื่อนๆ
และครอบครัวของคุณถึงความตั้งใจอันซื่อตรงของเรา
ของขวัญมากมาย แห่งมิตรภาพกำลังรอคอยคุณอยู่
ที่จะนำเสนอการบรรเทาความยากลำบากของคุณ
เราจะเริ่มต้นโปรแกรมนี้ กับมนุษยชาติส่วนใหญ่ที่ต้องการความช่วยเหลือ


มนุษยชาติทั้งมวล จะได้รับการปลดปล่อยให่เป็นอิสระจากการดิ้นรนต่อสู้
จากความหนาแน่นที่ลดต่ำลงอย่างมาก ของมิติที่สาม 
คุณจะมีโอกาสที่จะเริ่มต้นความสุข ความเพลิดเพลิน
ไปกับชีวิตของคุณในระดับที่สูงขึ้นไปและเป็นอิสระ

การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเค้าได้เริ่มดำเนินการ

ทั้งหมดนี้ ได้รับการวางแผนมาอย่างพิถีพิถัน
และเราก็ได้ทำอย่างเหมาะสมที่สุดแล้ว สำหรับงานที่ยิ่งใหญ่นี้
กรุณาเพิ่มความอดทนอีกสักเล็กน้อย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรากำลังทำอยู่
บนพื้นฐานความสำคัญในแต่ละวัน คุณจะไม่สูญเสียความรู้นี้ไปโดยเปล่าประโยชน์
สิ่งที่เราทำไว้ จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นให้คุณได้ประจักษ์ ในไม่ช้านี้


จงอยู่ในความสงบเมื่อเราลงสู่พื้นดิน
เมื่อเราเริ่มต้นเปิดการติดต่อครั้งแรกของเราขึ้น
ที่จะแสดงให้เห็นว่าไม่มีความน่าหวาดกลัวใดๆ
เพื่อส่งผลไปในทิศทางที่เป็นบวก ให้กับคนรอบข้างคุณ ที่ยังไม่ทราบเรื่องนี้
หรือไม่เคยรู้ถึงการดำรงอยู่ของเรา และเจตนาของเราในการมาที่นี่

การประชุมใหญ่ครั้งนี้จะเกิดขึ้น และไม่มีใครที่จะไม่ยอมรับความจริงในเรื่องนี้
ซึ่งพวกเรา จะกลับมาอยู่กับคุณอีกครั้ง ในเร็วๆนี้ !
จนกว่าจะถึงวันนั้น จงเปล่งแสงสว่างของคุณออกไปทุกทิศทุกทาง
เพื่อทำหน้าที่เป็นสัญญาณ สำหรับพี่น้องของคุณ และสำหรับเราเช่นกัน
เราจะใช้ในการหาตำแหน่ง เพื่อนำยานอวกาศของเราไปยังชายฝั่งของคุณ
เราคือ สภากาแลคซี่แห่งแสงสว่าง


ผ่านช่องทางการสื่อสาร โดย เกร็ก จิลเลสส์  (Greg Giles)

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

David Wilcock


ข้อความพิเศษ
(Special Messages)

: ข้อความต่างมิติ :
สภากาแลคซี่ - Galactica Federation Of Light



: ข้อความต่างมิติ :
วันเดอเรอร์ ออฟ เดอะ สกาย (Wanderer of the Skies)

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

: ข้อความต่างมิติ :

บรอสซั่ม กู๊ดชายด์  

: ข้อความต่างมิติ :

แมทธิว วอร์ด  (Matthew, by Suzy Ward)








:ข้อความต่างมิติ:
จากชาวไซเรี่ยน

โดย เชอแดน นีเดิ้ล  (SHELDAN NIDLE)









: ข้อความต่างมิติ :
 ซาลูซ่า (  SaLuSa- by Mike Quinsey)


 

 




: ข้อความต่างมิติ : 
มหาเทพเมตาตรอน Archangel Metatron
ผู้รับการสื่อสาร: นาย James Tyberonn

 






^^เบิกบานใจ^^


อยากทักทายพูดคุย สนุกสนาน บันเทิง
ฟังเพลง พักผ่อน ยิ้มแย้มแจ่มใส

^^ เชิญตามสบายครับ ^^
แชร์ประสบการณ์



เชิญแบ่งปันประสบการณ์กันได้ที่นี่ครับ **



ห้องถาม-ตอบ ทีมแปล



หากใครมีคำถาม สงสัยอยากถามหรือพูดคุยกัน
เชิญได้นะครับ ^^

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข้อความจากต่างมิติ – ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน

สื่อสารทางโทรจิตผ่านทางนาย Lee Carrollวันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007สถานที่: บนเรือ - แถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก
ที่มา:


KRYON -Cruise 8 - History of Humanity


ตอนที่ 1:


สวัสดี ผู้เป็นที่รักทั้งหลาย เราคือครายออน แห่งหน่วยบริการแม่เหล็ก (Magnetic Service)
ตอนนี้เรากำลังทำให้ผู้ช่วยงานของเรา (นาย Lee) ได้เห็นภาพที่เราอยากให้เขาเห็นอยู่
ซึ่งมันก็ทำให้เขาประหม่า เมื่อพวกเรากำลังจะกล่าวถึงประเด็นนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลใหม่ๆแบบนี้
เราจึงได้ทำให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของความถูกต้องของข้อมูล ว่ามันมีความสำคัญมากเพียงใด
ผ่านทางพลังงานของเรา

โอกาสนี้เป็นโอกาสพิเศษ เพราะว่าพวกคุณกำลังล่องเรือข้ามมหาสมุทรอยู่
พวกคุณกำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง กำลังล่องลอยอยู่เหนือพื้นโลก
ซึ่งนี่ก็ทำให้พวกคุณสามารถตัดขาดจากพลังงานที่พวกคุณเชื่อมต่ออยู่ตามปกติได้อีกวิธีหนึ่ง

และเพราะว่าการตัดขาดดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้การรับรู้ของพวกคุณเป็นไปได้ดีกว่าปกติ
และมีประสิทธิภาพมากกว่าปกติ ทั้งผู้ส่งสาส์นและผู้รับสาส์น เพราะฉะนั้น เวลาแบบนี้แหละ
ที่พวกเราอยากจะให้ข้อมูลใหม่ๆแก่พวกคุณ ข้อมูลที่ไม่เคยให้มาก่อน
ในช่วงเวลานี้และในช่วงเวลาถัดไป เราอยากจะเล่าถึงประวัติศาสตร์ของโลกให้พวกคุณฟัง
นับตั้งแต่เริ่มมีมนุษยชาติ เราจะเล่าความเป็นมาไปทีละลำดับ

พวกเราได้เคยพูดถึงบางส่วนของเรื่องนี้ไปบ้างแล้วตั้งแต่หลายปีก่อน แต่นี่จะเป็นครั้งแรก
ที่พวกเราจะปะติดปะต่อพวกมันเข้าด้วยกันเป็นบทสรุปเช่นนี้

นอกจากนี้พวกเรายังจะให้ข้อมูลด้านปรจิตวิทยา (metaphysic) เพิ่มเติมกับคุณอีกด้วย


แผนงานเบื้องต้น (ของจักรวาล – ผู้แปล) สำหรับดาวเคราะห์โลกใบนี้ มันอยู่ในสัญชาตญาณ
และอยู่ภายในพวกคุณทุกๆคนอยู่แล้ว พวกเราได้สอนเรื่องนี้กับพวกคุณมานานร่วม 19 ปีแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม พวกเรายังไม่เคยเปิดเผยถึงความยาวนานของการเดินทางของพวกคุณ
บนดาวเคราะห์โลกใบนี้ ให้พวกคุณได้รู้มาก่อนเลย ว่า

- เริ่มมีมนุษย์โลกเกิดขึ้นบนโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?
- อะไรคือแผนการ (ของจักรวาล – ผู้แปล) ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับมนุษย์โลก?
- ตอนนี้พวกคุณกำลังอยู่ในช่วงเวลาไหน (ของแผนการนั้น – ผู้แปล)?
- แล้วมัน (แผนการนั้น – ผู้แปล) เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร?
- แล้วมันถูกปรับปรุงแก้ไขไปแล้วอย่างไรบ้าง?
- อะไรคือทางเลือกอิสระของมนุษย์โลก ที่เป็นตัวเปลี่ยนประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นไป?

เราจะสาธยายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ให้ฟัง



มนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย แม้ว่าเรื่องนี้มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องประวัติศาสตร์และเรื่องทางธรณีวิทยาทั่วๆไป
แต่ทวยเทพทั้งหลายที่กำลังนั่งอยู่กับพวกคุณในห้องนี้ กำลังจะบอกข่าวใหม่ ข่าวใหญ่กับพวกคุณว่า
แท้ที่จริงแล้วพวกคุณเป็นใคร แต่ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย บางทีคุณก็อาจจะนั่งกระดิกเท้าเล่นเฉยๆก็ได้


บางทีนั่นอาจจะดีสำหรับคุณก็ได้ พวกเรากำลังพูดด้วยภาษาที่ 3 กับพวกคุณอยู่
ไม่ว่าภาษาในมิติที่ 3 ที่กำลังสื่อสารอยู่ในมิติที่ 3 นี้ จะเป็นภาษาอะไรก็ตาม (สเปน และ อังกฤษ)
พวกเราก็จะเรียกภาษาที่ใช้ในการสื่อสารนี้ว่า “ภาษาที่ 3” เพราะว่าหมายเลข 3
คือหมายเลขแห่งการกระตุ้น ยังมีสิ่งอื่นๆที่กำลังถูกส่งผ่านไปพร้อมกับภาษาของมิติที่ 3 นี้ด้วย
และพวกมันก็จะเข้าไปยังหัวใจของพวกคุณ พวกมันจะเข้าไปในโครงสร้างระดับเซลของพวกคุณ
เมื่อพวกคุณนั่งอยู่ท่ามกลางพลังงานนี้ บางสิ่งบางอย่างในตัวพวกคุณอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป
ถ้าพวกคุณยินยอมให้พวกมันเป็นไป


------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 2:
HISTORY OF HUMANITY ON PLANET EARTH
ประวัติของมนุษยชาติบนดาวเคราะห์โลก

ดาวเคราะห์โลกใบนี้ มีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก แต่ว่ามนุษย์ไม่ใช่
มันเคยมีการวิวัฒน์ทางด้านชีวภาพ ที่ยาวนานมากๆมาก่อน ซึ่งหลายคนเรียกมันว่า “วิวัฒนาการ”

จริงๆแล้วสิ่งมีชีวิตทางชีวภาพของโลก ได้มีการวิวัฒนาไปตามเส้นทางอันศักดิ์สิทธิ์
ที่พระผู้เป็นเจ้าได้เลือกเอาไว้ให้นั่นเอง

ซึ่งเรื่องนี้ (เรื่องการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยพระผู้เป็นเจ้า – ผู้แปล) มันไม่ได้ขัดแย้งกับเรื่องอื่นๆเลย
เพียงแต่ความคิดที่มีข้อจำกัดของมนุษย์เองต่างหากหละ ที่ต้องการให้มันเป็นไปในแบบอื่น ที่ไม่ใช่แบบนี้

เราขอนำพวกคุณกลับมาสู่ช่วงเวลา “ระยะสั้นๆก่อนหน้านี้” อีกครั้งหนึ่ง
มันเป็นช่วงเวลาระยะสั้นๆในสายตาของเรา และในสายตาของก้อนหิน
เราขอวาดภาพดาวเคราะห์โลก ให้พวกคุณดูสักหน่อยก่อน เรากำลังให้ผู้ช่วยงานของเรา
ได้เห็นสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงต่างๆมากมาย ซึ่งมันอาจจะมีการหยุดชะงักของการสื่อสารสักพักหนึ่งในระหว่างนี้
ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้สิ่งที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้ ถูกถ่ายทอดให้คนนับพันๆฟังได้อย่างถูกต้อง
และสามารถมองเห็นภาพตามไปด้วยได้

เมื่อประมาณ 100,000 ปีก่อนหน้าโน้น มันคือจุดเริ่มต้น
ของสิ่งที่พวกคุณอาจจะเรียกมันว่า “มนุษย์ผู้รู้แจ้งแล้ว”
(Enlightened Human Being) มันคือช่วงเวลาแค่ 100,000 ปีเท่านั้นเอง


โอ..แต่ว่าก่อนหน้านั้นเป็นเวลายาวนานมาก มันก็มี "สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์" ที่กำลังวิวัฒนาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วนะ
แต่ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นยังไม่มีสิ่งที่พวกคุณอาจจะเรียกว่า อุปกรณ์เสริมด้านจิตวิญญาณ อยู่ใน DNA มาก่อนเลย
พวกสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์เหล่านั้น มีแค่ร่างกายเนื้อทางชีวภาพเท่านั้นเอง



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

อายุของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตามที่นักมานุษยวิทยาของพวกคุณจะบอกพวกคุณ อาจจะมีหลายเวอร์ชั่น
เพราะว่าพวกเขาอนุมานเอาจากอายุของโครงกระดูกต่างๆ ที่พวกเขาขุดขึ้นมาได้
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว โครงกระดูกเหล่านั้น เป็นเพียงโครงกระดูกของสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์
ที่มีแต่กายเนื้อทางชีวภาพ และกำลังวิวัฒน์อยู่เท่านั้นเอง ยังไม่ใช่รูปแบบของมนุษย์ในทุกวันนี้
ที่มีส่วนของทวยเทพอยู่ใน DNA ของร่างกายแล้ว


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 3:
เรื่องราวที่เรากำลังจะเล่าให้พวกคุณฟังนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พวกเราได้เคยบอกใบ้พวกคุณมาหลายครั้งแล้ว
แต่ขอให้เราวาดภาพขึ้นก่อนนะ

ในช่วงเวลานั้นมันมี "สิ่งมีชีวิตทางชีวภาพ"
ที่มีวิวัฒนาการมากแล้วอยู่ ในโลก
ตอนนั้นมันมีเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ถึง 20 สายพันธุ์


ซึ่งนักมานุษยวิทยาของพวกคุณ ก็ได้จำแนกเอาไว้มากมายหลายกลุ่ม ทำนองเดียวกันนี้เหมือนกัน


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

พวกคุณรู้ไหมว่า มนุษย์แต่ละสายพันธุ์ที่ว่านี้ มีความแตกต่างกันอย่างมาก
บางสายพันธุ์ก็มีรูปร่างของศีรษะแตกต่างกันไป บางสายพันธุ์ก็มีหางด้วยซ้ำไป
แต่มนุษย์ทั้ง 20 สายพันธุ์นี้ ก็อาศัยอยู่ด้วยกัน

นี่คือข้อเท็จจริงปกติธรรมดาของการวิวัฒนาการบนดาวเคราะห์โลกใบนี้
ซึ่งถ้าพวกคุณมองดูที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลายแล้ว พวกคุณก็จะเห็นว่า
พวกมันก็มีหลายสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน เพราะนี่คือวิถีแห่งความเป็นไปของธรรมชาติ
และมันก็เป็นไปด้วยดี แม้ว่าจะเมื่อ 100,000 ปีก่อนโน้นก็ตาม


มนุษย์ทั้ง 20 สายพันธุ์นี้ มีการวิวัฒน์อยู่ในหลายๆพื้นที่บนโลก ซึ่งในบางพื้นที่บางสายพันธุ์
ก็มีวิวัฒนาการเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาของพวกคุณรู้จักกันดี ว่ามีสายพันธุ์ไหนบ้าง

แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงที่เดียวในโลกใบนี้หรอกนะ มันเกิดขึ้นทั้งในยุโรปตะวันตก, ตะวันออกกลาง
และในสถานที่ๆไม่ธรรมดาอีกที่หนึ่ง นั่นก็คือใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิก!
เดี๋ยวเราจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังทีหลังอีกสักครู่

ระบบวิวัฒนาการได้ค่อยๆสร้างมนุษย์ขึ้นมาหลายๆสายพันธุ์ เหมือนๆกับที่ธรรมชาติทำกับทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ

จากนั้นดาวเคราะห์โลกใบนี้ ก็ถูกแตะต้องด้วยความตั้งใจ นั่นก็คือการออกแบบอันศักดิ์สิทธิ์

ด้วยการออกแบบอันศักดิ์สิทธิ์ ดาวเคราะห์ดวงนี้
ได้เคยถูกเยี่ยมเยือนโดยรูปธรรมชีวิตที่รู้แจ้งแล้วมาก่อน
แต่พวกเขาไม่ใช่พวกเทพ พวกเขามาในรูปแบบของควอนตัม
(กายทิพย์ ?– ผู้แปล)

มันยากที่จะอธิบายว่ารูปธรรมชีวิตเหล่านั้นเป็นอย่างไร และมาเยือนโลกได้ด้วยวิธีใด แต่พวกเขาก็ได้มาแล้ว

แต่ฟังนะว่า ในจักรวาลแห่งนี้ คับคั่งไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมาย ซึ่งบางชนิด
ก็กำลังอยู่ในบทเรียนเหมือนกับพวกคุณนี่แหละ แต่บางพวกก็ไม่ใช่

และมันก็มีสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบทางชีวภาพ คล้ายๆพวกคุณนี่แหละ อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์มากมาย
ดาวเคราะห์เหล่านั้นก็มีสภาพบรรยากาศคล้ายๆกับดาวเคราะห์โลกของพวกคุณนี่แหละ

แต่พวกเขาไม่มีการทำสงครามกัน พวกเขาดำรงอยู่ในสภาวะควอนตัม
และพวกเขาก็มีข้อตกลงในการอยู่ที่นั่นด้วย สังคมของพวกเขามีอายุยาวนานกว่าโลกสองเท่า
มนุษย์และกลุ่มของผู้รู้แจ้งแล้วเหล่านั้น ดำรงอยู่มาตั้งแต่ครั้งกระโน้น และทุกวันนี้พวกเขาก็ยังคงอยู่ที่นั่น



ดาวเคราะห์ดวงนั้น อยู่ห่างจากโลกหลายปีแสง แต่พวกเขาสามารถเดินทางมาเยือนพวกคุณได้อย่างง่ายดาย

พวกเขาเดินทางมาที่นี่ เพื่อมาเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์
ลงใน DNA ของพวกคุณ


พวกเขาเดินทางมาโดยได้รับอนุญาต ตามแผนที่ได้วางเอาไว้แล้ว
และด้วยความยินยอมของทวยเทพทั้งมวลในจักรวาลนี้

พวกเขาไม่ได้มาเพราะความบังเอิญ และมันก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการยึดครองโลกด้วย
แต่ว่ามันเป็นภารกิจแห่งความรักของพวกเขา


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ตอนที่ 4:
เรากำลังพูดถึงชาวกลุ่มดาวลูกไก่อยู่ (Pleiadians)
ซึ่งมีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา


เมื่อใดที่พวกคุณพูดถึงพวกเขา ว่าการที่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง เดินทางมายังดาวเคราะห์ดวงหนึ่งๆ
อาจจะมีคนพูดว่า “มันเป็นการไม่สมควร มันจะต้องมีเจตนาร้ายแน่ๆ มันจะต้องผิดแน่ๆ”
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย มีข้อมูลที่ไม่จริงมากมาย ที่กล่าวถึงชาวกลุ่มดาวลูกไก่

เราอยากจะบอกพวกคุณว่า ถ้าพวกคุณสามารถมองเห็นพวกเขาได้
พวกคุณก็จะรู้ว่า พวกเขาเหมือนพวกคุณมากๆ!

แล้วสักวันหนึ่งเมื่อพวกคุณมีพัฒนาการไปถึงระดับที่เหมาะสมแล้ว
พวกเขาก็จะมาพบพวกคุณ พวกเขาจะเรียกพวกคุณว่า “พี่น้อง”


และถ้าหากว่า พวกคุณนำเอาตัวอย่างเซลในร่างกายของพวกเขาไปตรวจสอบ
พวกคุณก็จะพบว่า มันเหมือนกับเซลของร่างกายของพวกคุณเองเป็นอย่างมาก
เพราะว่าพวกเขาก็มีเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้แจ้งอยู่ในมนุษย์โลกเผ่าพันธุ์นี้ด้วย
และพวกเขาก็มีภูมิปัญญาและความรักให้กับโลกใบนี้ด้วย

เพราะว่าพวกคุณคือเมล็ดพันธุ์ของพวกเขา


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

สิ่งที่พวกเขามอบไว้ให้แก่โลกใบนี้ มันยากที่จะอธิบายให้พวกคุณซึ่งอยู่ในมิติที่ 3 นี้เข้าใจได้
เพราะว่าพวกเขาใช้คุณสมบัติของความเป็นควอนตัม (กายทิพย์ – ผู้แปล) ของพวกเขากับทุกสิ่งทุกอย่าง

พวกเขาทำให้มนุษย์บนโลกใบนี้มีชั้นของ DNA เพิ่มขึ้นมาอีก 2 ชั้น
และมันก็เกิดขึ้นทั้งหมดภายในคราวเดียวกัน กับเฉพาะมนุษย์โลกสายพันธุ์เดียว
ในจำนวน 20 สายพันธุ์นี้เท่านั้น นั่นคือสายพันธุ์ของพวกคุณนั่นเอง
เพราะว่าในตอนนั้น มีเพียงสายพันธุ์เดียวที่พร้อมจะรับของขวัญชิ้นนี้ได้


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ตอนที่ 5:
ลองถามนักมานุษยวิทยาของพวกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูสิ
โอ..แต่อย่าถามพวกเขาเกี่ยวกับชาวกลุ่มดาวลูกไก่นะ!
แต่ให้ถามพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์เมื่อ 100,000 ปีที่แล้ว

พวกเขาก็จะบอกคุณว่า มีบางสิ่งที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้น เพราะว่ามันเหลือมนุษย์เพียงสายพันธุ์เดียวเท่านั้น
ที่ยังรอดอยู่บนโลกใบนี้

แล้วสายพันธุ์อื่นๆอีก 19 สายพันธุ์หละ?

พวกเขาได้ค่อยๆตายลงไป เพราะไม่สามารถแข่งขันกับสายพันธุ์ที่มี DNA ใหม่นี้ได้

นี่เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับกฎธรรมชาติ และควรจะทำให้ผู้ที่เชื่อเรื่อง “การคัดเลือกโดยธรรมชาติ”
ฉุกคิดขึ้นมาได้บ้าง มันเป็นอะไรที่น่าสนในนะ และมันสามารถพิสูจน์สิ่งที่เราบอกกับพวกคุณอยู่นี้ได้

เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องราวแห่ง "การสร้างโลก" ของศาสตร์ลี้ลับทั้งหลาย ที่อยู่บนโลกใบนี้
เพราะว่ามันเกิดขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็วมาก และเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้เองด้วย
มันจึงทำให้รู้สึกว่า ทั้งหมดนี้ มันเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด โดยปราศจากวิวัฒนาการใดๆ
ที่จะนำพามันมาสู่จุดนี้มาก่อนเลย

ดังนั้น มันจึงไม่แปลก ที่จะมีใครหลายๆคนคิดว่า มันไม่มีวิวัฒนาการใดๆเกิดขึ้นเลย
แต่เป็นพระผู้เป็นเจ้าต่างหากที่สร้างมนุษย์ขึ้น แบบทันทีทันใด



พวกคุณเห็นไหมว่า มันมีเงื่อนงำของความเป็นจริงแฝงอยู่ในทุกๆเรื่องนั่นแหละ
แต่พวกมัน ก็มักจะถูกนำมาใส่ไว้ในกล่อง 3 มิติ เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายเท่านั้นเอง


เรื่องของสวนสวยงาม, การล่อใจ (A beautiful garden, temptation)
ก็สื่อถึงความดีและความชั่ว และจริงๆแล้ว ในมุมมองของปรจิตวิทยา (metaphysic)
นี่คือสิ่งที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้น


เมื่อมีมนุษย์โลกกลุ่มหนึ่ง ได้รับ DNA แห่งการตระหนักรู้แบบใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ชั้น
เพราะหลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มแสดงออก ถึงความเป็นทวิภาวะในทันที
ซึ่งเป็นกระบวนการแห่งการตระหนักรู้ของแสงสว่างและความมืด


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ตอนที่ 6:
DNA ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่อีก 2 ชั้นนี้ เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ทดสอบโลกใบนี้
ซึ่งจะกลายมาเป็น “ดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรีเพียงดวงเดียว” ในเวลานั้น

หนึ่งในสองชั้นของ DNA ที่ว่านี้มี “บันทึกแห่งฟ้า” (Akashic Record) บรรจุอยู่
ซึ่งมันจะบันทึกข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณของทวยเทพทั้งหลาย
ที่จะลงมาเกิดในร่างมนุษย์นี้ หรือที่จะละจากร่างมนุษย์นี้ไปไว้ทั้งหมด


ตอนนั้นมนุษย์โลก ได้กลายเป็นผู้ที่มีความตระหนักรู้ด้านจิตวิญญาณไปแล้ว
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นในทันทีทันใดก็ตาม แต่ค่อยๆกลายเป็นไปอย่างช้าๆ ช้ามากๆ
กินเวลายาวนานถึง 50,000 ปีก็ตาม



เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว เหล่าทวยเทพก็พากันหลั่งไหลลงมาเกิดบนโลกมนุษย์
โดยใช้ร่างของมนุษย์เป็นยานพาหนะ เพื่อทำการทดลองกับดาวเคราะห์โลกที่ว่านี้
นับตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มมีมนุษย์โลกสายพันธุ์ที่พวกคุณเห็นอยู่นี้ เกิดขึ้นบนโลก

นั่นหมายความว่า มนุษย์โลกสายพันธุ์ที่ทรงภูมิปัญญา
เริ่มเกิดขึ้นมาจริงๆบนโลกใบนี้ เพียงแค่ 50,000 ปี
ก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง แน่นอนว่ามันใหม่มากๆ!


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 7:
หลังจากนั้นโลกนี้ก็เปลี่ยนไป ดังนั้น เราจึงอยากจะนำพวกคุณกลับไปที่เมื่อ 40,000 ปีก่อนหน้านี้
มันมีอารยธรรมหนึ่งเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ และมันก็ใช้เวลาค่อยๆก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่างๆจริงๆกว่า 5,000 ปี

มันคืออารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
มันไม่ได้ยิ่งใหญ่ในแง่ของจำนวนประชากร แต่ยิ่งใหญ่ในแง่ของ
"ระดับจิตสำนึก" มันไม่ใช่อะไรที่พวกคุณจะสามารถเทียบติดได้เลย
เพราะว่ามันเป็นหนึ่งในอารยธรรมตั้งต้นของมนุษยชาติ

มันคืออาณาจักร “เลมูเรีย”


เรายังไม่เคยบอกว่ามันมีอายุยาวนานแค่ไหน เราก็เลยจะบอกซะเลยตอนนี้ว่า
คุณจะว่ายังไง ถ้ามีอารยธรรมไหนยืนยงอยู่ได้ยาวนานถึง 20,000 ปี?
และพวกเขาก็อยู่กันอย่างสันติซะด้วย

มันอาจจะฟังดูพิลึกๆอยู่ใช่ไหม แต่สิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้นบนโลก เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกคุณรู้
และเทียบกับประวัติศาสตร์ที่พวกคุณบันทึกเอาไว้ มันไม่มีสิ่งใดที่จะใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลย
นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณอาจจะบอกว่า “มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีสังคมไหนอยู่ได้นานขนาดนั้น”

จริงๆแล้วมันก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้หรอก แต่ว่านี่แหละ มนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย
นี่แหละคือความตั้งใจหละ ความตั้งใจที่จะไม่ให้มันเหลืออะไรเอาไว้ให้เห็นเป็นหลักฐานยังไงหละ
และดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็ทำได้ดีมากซะด้วย ที่สามารถลบร่องรอยของหลักฐานการมีอยู่
ของอารยธรรมมนุษย์ออกไปได้อย่างหมดจดเช่นนี้

ลองหันกลับมาดูสิ่งที่พวกคุณกำลังเรียนรู้กันอยู่ในขณะนี้สิ พวกคุณจะไม่พบหลักฐานอะไร
ที่มีอายุยืนยาวไปกว่า 4,000 ปีเลย เพราะว่าพวกมันได้ถูกกระแสน้ำพัดพาไปจนหมดแล้ว
หรือเน่าเปื่อยผุพังไปจนหมดแล้ว หรือไม่ก็ถูกฝังอยู่ใต้ดิน หรือไม่ก็ถูกคลื่นซัด และหายไปตลอดกาลแล้ว

และเพื่อที่จะทำให้กระบวนการลบล้างนี้ เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในครั้งกระโน้น อารยธรรมนั้น
จึงตั้งอยู่บนแผ่นดินที่เคยอยู่ "กลางมหาสมุทรแปซิฟิก" แต่ตอนนี้ไม่มีแผ่นดินนั้นอยู่อีกต่อไปแล้ว



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ถ้าพูดถึงช่วงเวลา อารยธรรมเลมูเรียเริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 50,000 ปีที่แล้ว
และใช้เวลาประมาณ 10,000 ปีในการรวบรวมกันขึ้นเป็นชุมชน และใช้เวลาอีก 5,000 ปี
ในการรวมกันขึ้นเป็นสังคมที่มีศูนย์กลางการปกครองเดียว
อารยธรรมของชาวเลมูเรียเจริญรุ่งเรืองสุดขีด
ในช่วง 35,000 – 15,000 ปีที่แล้ว

แต่จงจำไว้ว่าสิ่งต่างๆในสมัยนั้น จะมีอายุยืนยาวมากๆ และทุกสิ่งทุกอย่าง ก็จะดำเนินไปอย่างช้าๆ สิ่งที่พวกคุณสามารถทำได้ภายในระยะเวลา 1 ปี ในสมัยนั้นพวกเขาอาจจะใช้เวลาทำถึงหลายร้อยปีก็ได้ เรื่องของภาษาก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง เพราะว่าการสื่อสารยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขาอยู่ รวมถึงเรื่องการเดินทาง ก็เป็นไปด้วยความล่าช้ามากๆ และการปกครองโดยผู้มีอำนาจสูงสุดก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ทุกวันนี้พวกคุณอาจจะจัดประชุมกันได้วันละสองครั้ง แต่ในสมัยนั้นพวกเขาอาจจะจัดได้แค่ปีละสองครั้งเท่านั้น แต่ปกติจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
พวกเขาจะรับรู้เกี่ยวกับกาลเวลาแตกต่างไปจากพวกคุณมาก
เพราะว่าพวกเขาดำรงอยู่ภายในการตระหนักรู้แบบควอนตัม
(อยู่แบบเป็นทิพย์ – ผู้แปล) ซึ่งเป็นสภาวะที่เกือบจะไร้กาลเวลาเลยทีเดียว

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 8:
เราขอกลับไปที่อารยธรรมเลมูเรียอีกครั้งหนึ่ง เราจะขอบรรยายลักษณะของโลกในยุคนั้นให้พวกคุณฟังซะก่อน
เพราะว่ามันเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากยุคนี้มาก


หลายคนอาจจะหัวเราะเยาะ และเยาะเย้ยถากถาง หรือตลกขบขันกับคำกล่าวนี้ก็ได้
มหาสมุทรแปซิฟิกนั้นกว้างใหญ่มาก

“มันไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลยที่มันจะไม่มีน้ำอยู่ นอกจากจะเป็นเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว”

ไม่จริงเลย เราไม่ได้บอกว่าทั้งหมดของมัน แต่เราบอกว่าเพียงบางส่วนของมัน
เฉพาะส่วนที่อาณาจักรเลมูเรียตั้งอยู่เท่านั้น เดี๋ยวเราจะวาดภาพให้พวกคุณดู

ดาวเคราะห์โลกเคยหมุนรอบตัวเองด้วยแกนที่เอียง 28 องศา นั่นคือเมื่อก่อนโน้น ไม่ใช่ในตอนนี้
ยิ่งกว่านั้นสภาพทางธรณีวิทยาของดาวเคราะห์โลกเมื่อ 40,000 ปีก่อน
ก็แตกต่างไปจากปัจจุบันนี้เป็นอย่างมากด้วย

พวกคุณเคยอยู่ในช่วงปลายของยุคน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาก่อน และพวกคุณก็เคยประสบกับมันมาก่อนแล้ว
อุณหภูมิของดาวเคราะห์โลกใบนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในที่มีอยู่ในโลก ว่ามากน้อยแค่ไหน
วัฏจักรน้ำบนโลกเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิของโลกและกระแสลม สิ่งที่เรากำลังจะบอกก็คือ
ความแตกต่างกันอย่างมหาศาลของโลกในยุคนั้นกับในยุคนี้


ในยุคนั้น 1 ใน 3 ของน้ำที่มีอยู่บนโลก คือน้ำแข็ง
นั่นจึงทำให้มหาสมุทรในยุคนั้น มีความแตกต่างกับในยุคนี้
ที่พวกคุณรู้จักเป็นอย่างมาก


เราขอนำพวกคุณกลับไปที่อาณาจักรเลมูเรียอีกครั้งหนึ่ง โลกในยุคนั้นหนาวเย็นกว่าในยุคนี้เป็นอย่างมาก
พวกคุณบางคนอาจจะพอรู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ถ้าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก
ลดต่ำลงไปแค่ครึ่งองศาเท่านั้น นั่นก็สามารถทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญได้แล้ว

ตอนนี้เราอยากจะบอกพวกคุณว่า ลองจินตนาการดูเอาเองเถิด
ว่ามันจะเป็นอย่างไร ถ้าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในยุคนั้น
ต่ำกว่าในตอนนี้ 8 องศาเซลเซียส มันจะทำให้เกิดความแตกต่างกัน
ของบรรยากาศ และของระดับน้ำทะเลมากแค่ไหน

ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยในมหาสมุทรในตอนนั้น ต่ำกว่าในตอนนี้ถึง 133 เมตร หรือประมาณ 400 ฟุต
พวกคุณพอจะนึกภาพออกไหมว่า ทวีปต่างๆของพวกคุณ น่าจะมีหน้าตาอย่างไร
ถ้าผืนแผ่นดินอยู่ต่ำกว่าทุกวันนี้อีก 400 ฟุต ส่วนของภูเขาที่จมอยู่ใต้น้ำในตอนนี้ ก็จะโผล่ขึ้นมา
มันจะแตกต่างไปอย่างมาก ใช่ไหม?

อาณาจักรเลมูเรียเคยยืนยงอยู่ได้นานถึง 20,000 ปี รอบๆฐานของเกาะที่พวกคุณเรียกกันว่า “เกาะฮาวาย”
ซึ่งมันเคยเป็น และยังเป็นภูเขาที่มีความสูงมากที่สุดในโลก ถ้าวัดจากฐานของมัน

ชาวเลมูเรียพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในแอ่ง ในหุบเขา ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
และรอบๆอาณาจักรของพวกเขาก็โอบล้อมไปด้วยน้ำ แต่ว่าทะเลหลักๆทั้งหลาย
ก็ถูกกั้นไว้ด้วยแนวเขาสูงต่างๆมากมาย ที่ทุกวันนี้ไม่สูงอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าแนวเขาเหล่านั้น
ก็ตั้งอยู่บนแนวรอยต่อของเปลือกโลก และนี่แหละคือการตระเตรียมการ คือสถานการณ์ ที่สลับซับซ้อน

แต่ว่ามันมีแผ่นดินอยู่ในบางส่วนของก้นมหาสมุทรแปซิฟิกจริงๆ ชาวเลมูเรียก็รู้อยู่แก่ใจตลอดเวลาว่า
พวกเขาเสี่ยงต่อการจมอยู่ใต้ทะเล และควรจะย้ายขึ้นไปอยู่ในที่ๆสูงกว่า
แต่ตราใดที่อุณหภูมิของโลกยังคงเย็นอยู่ พวกเขาก็เลยยังไม่เป็นอะไร

แต่พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเงาของ “จุดร้อน” ที่ๆพวกคุณเรียกกันว่า
รอยเลื่อนของเปลือกโลกขนาดใหญ่ (Tectonic plates) และพวกเขาก็รู้ว่า มันอาจจะเลื่อนอีกซักวัน
เพราะว่ามันก็เคยเลื่อนมาก่อนหน้านั้นแล้ว


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

เกาะที่พวกเขาพึ่งพาอาศัยอยู่ทั้งหลาย ก็ล้วนแต่เคยเป็นภูเขาไฟที่ยังตื่นอยู่มาก่อนทั้งนั้น
ดังนั้นพวกเขาจึงตกอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทุของภูเขาไฟเหล่านี้


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ตอนที่ 9:
เรามีอะไรอีกหลายอย่างที่จะบอกพวกคุณเกี่ยวกับเลมูเรีย
ดังนั้น เราไปที่เรื่องเส้นทางแห่งจิตวิญญาณกันเถอะ

ในช่วงระยะเวลา 20,000 ปีของอาณาจักรเลมูเรียนั้น
มีจิตวิญญาณที่ได้ผ่านเข้ามาในโลกใบนี้ ในฐานะชาวเลมูเรีย
จำนวนทั้งสิ้น 350 ล้านคน


แต่นี่ไม่ใช่ในแบบที่หลายคนเข้าใจว่าพวกเขาสืบทอดเผ่าพันธุ์มาได้ 800 ชั่วอายุคนหรอกนะ
เดี๋ยวเราจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟัง

มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ ผู้ร่วมงานเอ๋ย (นาย Lee – ผู้แปล) เพราะมันเป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้น
ดังนั้น แปลให้มันถูกต้องนะ ชาวเลมูเรียไม่ได้เวียนว่ายตายเกิดกลับมาเป็นชาวเลมูเรียนอีกหรอกนะ
เรากำลังจะบอกว่า จิตวิญญาณของชาวเลมูเรียทั้ง 350 ล้านดวงนี้ เป็นจิตวิญญาณคนละดวงกันทั้งสิ้น
(ขออนุญาตใช้คำว่า “ดวง” เป็นสรรพนามเรียก “จิตวิญญาณ” ตามแบบไทยๆนะครับ
แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นดวงจริงๆก็ตาม – ผู้แปล)

เป็นจิตวิญญาณของใครของมัน และก็ไม่ได้เป็นจิตวิญญาณของมนุษย์ธรรมดาๆเท่านั้นด้วย
แต่เป็นจิตวิญญาณของทวยเทพทั้งหลาย ที่ลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในอารยธรรมเลมูเรีย
และพวกเขาเมื่อตายจากไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ในอาณาจักรนี้อีกด้วย
พวกเขาแต่ละคนเป็นผู้มาครั้งเดียว

อัตราการเกิดของพวกเขาแตกต่างจากของพวกคุณมาก ไม่ใกล้เคียงกับของพวกคุณในทุกวันนี้เลย
และมันก็ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นแบบรูปเรขาคณิตเหมือนกับของพวกคุณด้วยซ้ำไป เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน


ในทางชีวภาพแล้ว มันมีเหตุผลอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้ชาวเลมูเรียไม่มีลูกมากนัก นั่นก็คืออุณหภูมิของโลก
และสภาพสังคมของพวกเขาในตอนนั้น ในยุคนั้น มนุษย์ไม่ได้มีลูกง่ายๆเหมือนทุกวันนี้หรอก
และเพราะอุณหภูมิที่ต่ำนี้ ก็ได้ช่วยส่งเสริมให้วิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของพวกเขา
เป็นไปได้ดีเท่าที่ต้องการอีกด้วย

ดังนั้น สิ่งที่พวกคุณทุกคนต้องรู้ก็คือ วัฒนธรรมของชาวเลมูเรีย
เป็นวัฒนธรรมแห่งจิตวิญญาณ และทั้ง 350 ล้านชีวิตของพวกเขา
ก็เป็นแบบเดียวกันนี้หมดด้วย นั่นจึงทำให้อารยธรรมของพวกเขา
อยู่มาได้ยาวนานที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา

เดี๋ยวสักครู่เราจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังต่อ


………………..........................................................................................................................................




ตอนที่ 10:
เมื่อ 15,000 ปีก่อน น้ำแข็งเริ่มละลาย และชาวเลมูเรียก็รู้
มันค่อยๆละลายอย่างช้าๆ


และพวกเขาก็ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้มันไม่ละลาย ในช่วงเวลานั้นชาวเลมูเรีย
จึงกลายเป็นพวกนักเดินสมุทรไป และส่วนใหญ่ก็จะอาศัยอยู่ในเรือ

พวกเขารู้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจึงหันมาให้ความสนใจกับเรือมากขึ้น
และนี่ก็คือสิ่งที่ทำให้สังคมชาวเลมูเรียเริ่มแตกออกเป็นกลุ่มย่อยๆ


มันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้ เพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจเรื่องการแทนที่มวลของน้ำดีพอ
และพวกเขาก็ไม่รู้ถึงผลกระทบของมันที่จะมีต่อการเคลื่อนไหวของเปลือกโลก (จะทำให้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นมากมาย)
ช่วงนั้นแอ่งภูเขาไฟของพวกเขาเริ่มสั่นเบาๆ แล้วก็แรงขึ้นๆ จนทำให้น้ำทะลักเข้ามาได้

ช่วง 15,000 – 10,000 ปีก่อน ความสมดุลของน้ำบนโลกเปลี่ยนไป
และไหลเข้าท่วมอาณาจักรเลมูเรีย ที่เป็นแอ่งนั้นจนหมดสิ้น
มันไหลเข้าท่วมพื้นที่ๆเป็นหุบเขาทั้งหลายจนหมดสิ้น
มันกวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยถูกสร้างขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมีอยู่ออกไปจนหมดสิ้น
นั่นแหละคือสิ่งที่ธรรมชาติทำได้



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

พวกคุณลองย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ความหายนะแบบเดียวกันนี้ ที่เพิ่งเกิดขึ้นบนพื้นโลกเมื่อไม่นานมานี้
คือเมื่อไม่ถึง 1000 ปีมานี้ดูสิ แล้วดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง แล้วจากนั้นก็ลองนึกดูซิว่า ถ้าความหายนะแบบนี้
เกิดขึ้นเมื่อ 15,000 ปีก่อน และก็เกิดขึ้นใต้มหาสมุทรที่มีกระแสน้ำเชี่ยวกรากด้วยหละ
มันจะเหลืออะไรอยู่ไหม มันไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

ชาวเลมูเรียบางส่วนก็หนีขึ้นไปอยู่บนภูเขา ตอนที่น้ำกำลังจะท่วม เมื่อ 10,000 ปีก่อนโน้น
เมื่อระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเท่ากับที่พวกคุณเห็นอยู่ในตอนนี้แล้ว ระดับน้ำก็หยุดเพิ่มสูงขึ้น
ยอดเขาหลักๆที่เป็นที่อยู่ของชาวเลมูเรียที่หนีขึ้นไปอยู่ในช่วงที่น้ำท่วมนั้น ก็คือส่วนหนึ่งของหมู่เกาะฮาวาย


..................................................................................................................................................................






ตอนที่ 11:
วัฏจักรน้ำบนโลกเป็นตัวทำให้อากาศร้อนหรือเย็น
และมันก็หมุนเวียนเปลี่ยนผันอยู่ตลอดเวลา


ถ้าลองย้อนกลับไปดูช่วงเวลาก่อนหน้านี้นานๆ ก็จะเห็นว่า อุณหภูมิของโลก
มีการเปลี่ยนแปลงขึ้น และลงอยู่หลายครั้ง และช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ ส่วนใหญ่แล้ว
ก็ยาวนานกว่าช่วงอายุขัยของมนุษย์ซะด้วย (หมายความว่าไม่มีมนุษย์คนไหนเลยที่มีอายุยืนยาวพอ
ที่จะได้เห็นวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงของมันจนครบทั้งวัฏจักร) ซึ่งปกติแต่ละวัฏจักร
ก็จะใช้เวลาสั้นๆเพียง 200 ปีเท่านั้น ดังนั้น มนุษย์โลกส่วนใหญ่จึงไม่รู้อะไรเลย
นอกจากการเปลี่ยนแปลงของมันเท่านั้น

มนุษย์ไม่รู้ว่ามันเป็นวัฏจักรปกติธรรมดา พวกคุณเคยประสบกับวัฏจักรสั้นๆ
ของการเปลี่ยนแปลงของน้ำแข็งแบบนี้ มาก่อนหน้านี้แล้วหลายครั้ง เมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง

ในปี ค.ศ.1400 กว่าๆที่ผ่านมา พวกคุณเคยประสบกับภาวะที่ธารน้ำแข็งเริ่มก่อตัวกันขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งมาแล้ว
อุณหภูมิของดาวเคราะห์โลกเคยต่ำลงไปกว่าปัจจุบันนี้เล็กน้อย ก่อนที่มันจะกลับสูงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของดาวเคราะห์โลก ที่ต้องเป็นเช่นนี้เอง
ประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ก่อนที่จะเข้าสู่วัฏจักรน้ำแข็งเล็กๆเหล่านี้
มันจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นก่อน ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับมนุษย์อยู่สักหน่อย
นั่นก็คือ มันจะอุ่นขึ้น! เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรด้วย


และตอนนี้พวกคุณก็กำลังเข้าสู่วัฏจักรที่ว่านี้อีกครั้งหนึ่งอยู่ และพวกคุณก็กำลังอยู่ตรงช่วงต้นๆของวัฏจักรน้ำ
ที่จะทำให้อุณหภูมิของโลกลดต่ำลงในที่สุด มันเป็นลักษณะเฉพาะ มันเป็นวัฏจักร และมันก็เป็นเรื่องธรรมดา

ลองถามก้อนหินก้อนไหนดูก็ได้

ชาวเลมูเรียบางส่วน ที่อาศัยอยู่บนยอดเขามาตั้งแต่ช่วงนั้น
พวกคุณสามารถพบกับบรรพบุรุษของพวกเขาได้
พวกเขาถูกเรียกว่า “ชาวโปลินีเชี่ยน” (Polynesian)
และพวกเขาก็รู้ดีทุกๆเรื่องเกี่ยวกับมหาสมุทร พวกเขามีความรู้เกี่ยวกับกระแสน้ำดี
เพราะว่าที่พวกเขาต้องไปอยู่ที่นั่น ก็เพราะว่ามีกระแสน้ำอยู่ที่นั่น
พวกเขาจึงได้คอยจับตาดูมัน และดูมันก็ตัวขึ้น

พวกเขาสามารถใช้เรือขนาดเล็กเดินทางข้ามไปมาระหว่างเกาะต่างๆได้
แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรก็ตาม โดยไม่ต้องใช้เข็มทิศแต่อย่างใดเลย
พวกเขารู้ว่ามหาสมุทร และกระแสน้ำทำงานกันอย่างไร และบางกลุ่มก็กล้าบอกด้วยซ้ำว่า
บรรพบุรุษของพวกเขาก็คือชาวเลมูเรีย



……………..............................................................................................................................................





ตอนที่ 12:
ต่อไปนี้เป็นส่วนที่ขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์ของพวกคุณ เพราะว่าเรากำลังจะบอกพวกคุณว่า
สมัยนั้น มันเคยมีอุกกาบาตขนาดเล็กพุ่งชนโลกของพวกคุณอยู่เป็นประจำ
และบ่อยครั้งกว่าที่พวกคุณเชื่อกันซะอีก


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

เช่นเมื่อ 13,000 ปี และเมื่อ 5,000 ปีก่อนหน้านี้
มันเคยมีการพุ่งชนของอุกกาบาตครั้งสำคัญๆอยู่สองครั้ง
ครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อ 5,000 ปีก่อนโน้น รุนแรงกว่าครั้งที่เกิดขึ้น
เมื่อ 13,000 ปีก่อนโน้น

และครั้งหลังนี้ มันก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับโลกขึ้นสองอย่าง
นั่นก็คือ ทำให้เปลือกโลกเลื่อนเปลี่ยนแปลง จนทำให้แกนของโลก
เอียงจาก 28 องศามาเป็น 23.33 องศา

นี่เป็นผลกระทบที่สำคัญมากๆ และมันเพิ่งเกิดขึ้น
เมื่อ 5,000 ปีก่อนเท่านั้นเอง

ส่วนผลกระทบอย่างที่สอง ก็คือผลกระทบต่ออารยธรรมที่อยู่บนโลก
เพราะมันได้ทำให้เกิดฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่ว ปกคลุมไปถึงชั้นบรรยากาศ
ที่พวกคุณเรียกกันว่าชั้นสตราโตสเฟีย (Stratosphere)

และผลกระทบตามมาที่สำคัญที่สุดก็คือ ทำให้เกิดฝนตกอย่างหนัก
และฝนที่ตกหนักดังกล่าว ก็ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย
มนุษย์และสัตว์ล้มตายลงเป็นจำนวนมาก


แต่นี่คือสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น ซึ่งเราได้เคยพูดถึงเรื่องนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว
มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ วัตถุประสงค์หลักก็คือเพื่อลบล้างความรู้ทั้งหมดของชาวเลมูเรียให้หมดสิ้นไป
และเพื่อทำให้เกิดทะเลสาบใหม่ๆขึ้นเพื่อให้มนุษย์ได้อาศัย

วิทยาศาสตร์สามารถตรวจพบมันได้ในชั้นดิน และมันก็เกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับเกี่ยวกับ
น้ำท่วมโลกครั้งใหญ่
และ เรือโนอาด้วยซ้ำไป


มันน่าสนใจมากใช่ไหมหละ ผู้คนที่เรียกตัวเองว่าผู้ที่เชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก (Creationist)
อาจจะมีความเชื่อที่ขัดแย้งกับพวกคุณ ในเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์
แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่ง มันก็ถูกทั้งคู่นะ เพราะว่าก่อนหน้านั้น สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์
มีวิวัฒนาการที่ช้ามากๆ แต่เพราะความศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกมอบให้พวกเขาอย่างปุบปับ
(จึงทำให้วิวัฒนาการของมนุษย์ก้าวกระโดดนับตั้งแต่นั้นมา – ผู้แปล)

และก็เหมือนกับเรื่องราวของ “สวนแห่งอีเดน” ซึ่งก็คืออาณาจักรเลมูเรียนั่นเอง


…………….............................................................................................................................................



ตอนที่ 13:
เมื่อเรากล่าวถึงช่วงเวลาที่ระบุว่าเป็นเท่านั้นเท่านี้ปีนั้น เราหมายถึง
เรานับจากช่วงเวลาที่พวกคุณกำลังนั่งอยู่ขณะนี้ว่าเป็นปีที่ศูนย์
จากนั้นเราก็นับย้อนกลับไปจนถึงช่วงเวลานั้นๆ เช่น 40,000 ปีก่อนหน้านี้,
100,000 ปีก่อนโน้น หรือ 10,000 ปีก่อนโน้น เป็นต้น

ซึ่งนี่อาจจะตรงข้ามกับรูปแบบของการนับเวลา ที่เหล่าผู้พยากรณ์ทั้งหลายในอดีตใช้อ้างอิงกัน
ดังนั้น สำหรับใครที่ต้องการตรวจสอบเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวถึงในข้อความนี้
เพื่อเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์ของดาวเคราะห์โลก ก็สามารถทำได้
โดยการนับย้อนหลังกลับไปนับจากปีนี้ว่าเป็นปีที่ศูนย์

แต่ถ้ามันมีตรงไหนที่เราอยากจะระบุวันที่ลงไปชัดๆเลย เราก็จะบอกพวกคุณเป็นตัวเลขของวันที่
ในแบบที่พวกคุณคาดหวัง และใช้กันอยู่ ให้ไปเลย

อาณาจักรเลมูเรียรุ่งเรืองอยู่ในช่วงระหว่าง 35,000 – 15,000 ปีก่อนโน้น
มันเป็นอาณาจักรรวมอาณาจักรเดียวในประวัติศาสตร์โลก ที่สามารถดำรงอยู่ได้ยาวนานที่สุด
มันแตกต่างจากทุกๆอารยธรรมที่พวกคุณเคยมีมา เดี๋ยวเราจะบอกพวกคุณว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เหตุผลหลักจริงๆของการมีอาณาจักรเลมูเรียขึ้นมาบนโลกนี้ และเหตุผลที่ DNA ของพวกเขามีคุณสมบัติทั้งหมดนี้
ก็คือ เพื่อปูทางไปสู่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในลำดับถัดไป

ก็เหมือนกับเวลาที่พ่อครัวจะปรุงอาหารอะไรซักอย่างขึ้นมา ปกติเขาก็ต้องเตรียมน้ำมันในกระทะซะก่อน
และจัดหาส่วนประกอบทั้งหมดมาให้ครบซะก่อน จากนั้นค่อยลงมือเตรียมส่วนประกอบเหล่านั้น
แต่นี่ก็ยังไม่ถึงขั้นตอนของการเป็นอาหารจริงๆหรอกนะ


ชาวเลมูเรีย ก็เปรียบเหมือนการเตรียมการของโลก
เพื่อมาเป็นพวกคุณในทุกวันนี้เช่นกัน


ในแง่ของจิตวิญญาณแล้ว อาหารกำลังถูกตระเตรียมอยู่ ดังนั้นพวกเราจะบอกพวกคุณอีกครั้งหนึ่งว่า
พวกเขามีลักษณะของ Akashic แตกต่างจากของพวกคุณ เพราะชาวเลมูเรียทั้ง 350 ล้านชีวิตนั้น
พวกเขามาเกิดในอาณาจักรนี้เพียงครั้งเดียว โดยมีกรณีพิเศษนอกเหนือจากนี้น้อยมาก
แต่ละคนมาอยู่เพียงภพชาติเดียว

คุณอาจจะพูดว่าพวกเขาคือผู้ที่มาสร้าง Akashic record ให้กับดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็ได้


..................................................................................................................................................................




ตอนที่ 14:
ลองจินตนาการดูสิว่า มันมีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่า “ถ้ำแห่งการสรรสร้าง” (Cave of Creation)
ซึ่งมีผลึกคริสตัลของจิตวิญญาณทุกๆดวงที่มาเกิดบนโลกอยู่ เหล่าทวยเทพจะลงมาในถ้ำนี้เป็นระยะๆ
แล้วกลายไปเป็นชาวเลมูเรียในช่วงเวลาไม่นาน

จากนั้นแก่นแท้ของพลังงานของพวกเขาก็จะถูกนำมาใส่ไว้ในโลกใบนี้
คริสตัลที่มีชื่อของพวกเขาติดอยู่ ก็จะเข้าไปอยู่ในถ้ำนั้น


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


รูปธรรมชีวิตเหล่านี้บางส่วนอาจจะไม่เป็นที่เข้าใจของพวกคุณ ผู้ที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราว
ของ “ถ้ำแห่งการสรรสร้าง” (Cave of Creation) นี้มาก่อน

ชาวเลมูเรียทั้งหมด คือผู้ที่สร้างถ้ำแห่งการสรรสร้างนี้ขึ้นมา และเป็นผู้ปลูกฝังพลังงาน
ของพวกเขาทั้งหมดไว้ในถ้ำนั้น และในประวัติศาสตร์ของพวกเขาทั้งหมด
มีเพียงไม่กี่พันคนเท่านั้น ที่เคยตายไปแล้ว แล้วกลับมาเกิดเป็นชาวเลมูเรียใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คนเหล่านี้มักจะเป็นนักวิทยาศาสตร์

ส่วนคนอื่นๆที่เหลือก็จะมีชีวิตอยู่ในอาณาจักรนี้เพียงภพชาติเดียว จากนั้นก็จะจากไป
และรอคอยวันที่อารยธรรมนี้ จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ (หมายถึงเหล่าทวยเทพที่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์)

นี่คือวัตถุประสงค์ และเพื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ด้านจิตวิญญาณลงไปในดาวเคราะห์โลก เพื่อสิ่งที่จะมาถึงในภายหลัง
และเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่คริสตัลในถ้ำแห่งการสรรสร้างแห่งนี้


……………..............................................................................................................................................




ตอนที่ 15:
ชาวเลมูเรียรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น อย่างที่เราบอกพวกคุณไปแล้ว ว่าเมื่อประมาณ 15,000 ปีก่อน
น้ำแข็งเริ่มละลาย และมันก็ค่อยๆเป็นไปอย่างช้าๆ โดยใช้เวลาถึง 5,000 ปีจึงเสร็จ

พวกคุณอาจจะบอกว่าพวกเขามีเวลาถมเถไปที่จะเตรียมการรับมือกับมัน ซึ่งอันที่จริงพวกเขาก็ได้ทำแล้ว
สิ่งที่พวกเขาได้ทำเป็นอันดับแรกก็คือ การกลายไปเป็นนักเดินเรือ และนักต่อเรือ
และพวกเขาหลายๆคน ก็ค่อยๆย้ายออกไปจากหุบเขาที่ๆพวกเขาเคยอยู่
ซึ่งตอนนั้นก็ค่อยๆถูกน้ำท่วมไปบ้างแล้ว

เพราะว่าน้ำแข็งละลาย และระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นพวกคุณอาจจะพูดได้ว่า
ชาวเลมูเรียบางส่วน ได้ย้ายไปตั้งรกรากอยู่แถบชายฝั่งของพื้นที่อื่นๆ
เช่นประเทศนิวซีแลนด์, เกาะอีสเตอร์ แม้ว่าจะมีอะไรเหลืออยู่ที่นั่นไม่มากก็ตาม
และไปอยู่ในทวีปที่ใหญ่ที่สุดที่พวกคุณเรียกกันว่า “ทวีปอเมริกา”

พวกเขาเคยย้ายไปอยู่ที่แถบชายฝั่งด้านตะวันตกของทวีป ที่พวกคุณเรียกกันว่าอาลาสก้า (Alaska)
และอยู่แถวๆพื้นที่รอยต่อของทวีปอเมริกากับทวีปอื่นๆ พวกเขาเคยอยู่ที่นั่น

และมีพวกเขาหลายคนที่ย้ายไปอยู่บนภูเขาที่พวกคุณเรียกกันว่า “ภูเขาแชสต้า” (Shasta)
และพวกเขาก็เคยอยู่ที่นั่นในร่างของมนุษย์ ก่อนที่พวกเขาจะย้ายเข้าไปอยู่ในภูเขา
และเปลี่ยนรูปแบบของตัวเองไปเป็นสิ่งมีชีวิตระหว่างมิติ


บาวส่วนของพวกเขาก็ไปเริ่มต้นในสังคมอื่นๆ รวมกับมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่เดินทางมาไกลจากใจกลางโลก
และได้หลงลืมเชื้อสายเผ่าพันธุ์ของตัวเองไปจนหมดสิ้นแล้ว ซึ่งหนึ่งในอารยธรรมที่ว่านี้
ก็คือชาวสุเมเรี่ยน (Sumerian) ที่เคยอาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง และอารยธรรมนี้เองที่
ค่อยๆกลายมาเป็นอารยธรรมอียิปต์ในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปนานหลายปี

แต่ความแปลกประหลาดของมันก็อยู่ที่ว่า พวกคุณเข้าใจผิดไปว่า นี่แหละ
คือจุดที่ประวัติศาสตร์ของพวกคุณเริ่มต้นขึ้นจริงๆ


…………...........................................................................................................................................



ตอนที่ 16:
DURATION OF LIFE ON EARTH
ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก

ลองมาดูกันที่เชื้อสายวงศ์ตระกูลของดาวเคราะห์โลก ที่พวกเรามีข้อมูลกัน

กระบวนการแห่งการรู้แจ้งครั้งใหม่ของโลก
เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นจริงๆเมื่อราวๆปี ค.ศ. 1900 นี้เอง


จริงๆแล้วก่อนหน้านั้นมันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่มากนัก และมันก็ใช้เวลานานถึง 87 ปี
(ตรงกับปี ค.ศ. 1987 – ผู้แปล) เพื่อที่จะทำให้ระดับความสั่นสะเทือนของดาวเคราะห์โลก
ถูกยกระดับสูงขึ้นจนถึงระดับที่จะตัดสินใจได้

การตัดสินใจที่ว่านี้ เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับความสั่นสะเทือน
และอนาคตของดาวเคราะห์โลก


ทั้งๆที่ผู้พยากรณ์ทุกๆคน ได้พยากรณ์เอาไว้ตรงกันหมดว่า
โลกของพวกคุณจะต้องถึงกาลอวสานในราวๆปี ค.ศ. 2000
แต่พวกคุณก็ได้เปลี่ยนระดับความสั่นสะเทือน
ของดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ให้สูงขึ้นแล้ว
จนถึงระดับที่สามารถทำให้โลกไม่ต้องพบกับจุดจบดังกล่าวได้แล้ว

อย่าเข้าใจผิดไปนะ เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยมีแผนการที่จะทำให้โลกนี้ถึงกาลอวสานเลย
แต่มันเป็นเพราะระดับความสั่นสะเทือนของ “การทดลอง” ที่พวกคุณได้ช่วยกันสร้างขึ้นมา
เป็นเวลายาวนานแสนนานต่างหาก
(“การทดลอง” หมายถึงการที่จิตวิญญาณลงมาทำการทดลอง หรือลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ – ผู้แปล)

มนุษย์คือผู้สร้างอนาคตของตนเอง พวกคุณคือผู้สร้างคำพยากรณ์ให้กับตัวเอง
มันเกิดจากจิตสำนึกของพวกคุณทั้งโลก ที่ทำให้มันเป็นไปแบบนั้น

เพราะฉะนั้น มันก็คือพวกคุณเองนั่นแหละ ที่เป็นคนกำหนดทิศทางใหม่
ให้กับอนาคตของตนเอง ไม่ให้มันเป็นไป
ตามอย่างที่เหล่าผู้พยากรณ์ทั้งหลายเคยมองเห็น

และตอนนี้คำพยากรณ์เกือบทั้งหมด ที่ถูกพยากรณ์เอาไว้
ตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ.1987 พวกมันจะไม่มีความหมายใดๆอีกต่อไปแล้ว


เพราะว่าตอนนี้ พวกคุณกำลังอยู่บนเส้นทางชีวิตเส้นทางอื่น
ที่แตกต่างออกไปจากเดิมแล้ว



………….....................................................................................................................................

ตอนที่ 17: ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก (ต่อ)
ตอนนี้เราขอบอกอะไรบางอย่างกับพวกคุณสักหน่อย หากพวกคุณอยากจะฟัง

ว่าระหว่างปี ค.ศ. 1987 ถึงปี 2007 ได้มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นแล้ว
เพราะว่าพลังงานใหม่ เพราะว่าการตื่นขึ้นของเหล่าคริสตัล
ที่อยู่ใน “ถ้ำแห่งการสรรสร้าง” (Cave of Creation)

ที่มีชื่อของชาวเลมูเรียติดอยู่

ชาวเลมูเรียทั้ง 350 ล้านชีวิตที่เคยเกิดในยุคเลมูเรีย พวกเขากระซิบว่า “ถึงเวลาต้องกลับมาอีกแล้ว”

ฟังให้ดีนะ ว่าชาวเลมูเรียทั้ง 350 ล้านชีวิต
ที่เคยมีชีวิตอยู่บนโลกในยุคเลมูเรีย
ตอนนี้พวกเขากลับลงมาเกิดบนโลกนี้อีกครั้งหนึ่งแล้ว
พวกเขากระจายอยู่ทั่วโลก

และฟังให้ดีนะว่า ตอนนี้มีพวกเขาอยู่เต็มห้องนี้ไปหมดเลย และเราก็กำลังมองดูพวกเขาอยู่

ที่รักทั้งหลาย นั่นแหละที่เป็นเหตุผลว่าทำไม พวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่
และทำไมพวกคุณถึงได้มาอ่านข้อความนี้
และพวกคุณก็อาจจะสงสัยว่า ทำไมพวกคุณถึงมีอาการตอบสนองต่อเรื่องแบบนี้
พวกคุณอาจจะสงสัยว่า ทำไมระดับความสั่นสะเทือนของพวกคุณจึงเพิ่มขึ้น
พวกคุณอาจจะสงสัยว่า ทำไมในระดับโครงสร้างของเซลของพวกคุณ ถึงรู้สึกผูกพันกับครายออนเหลือเกิน

นั่นก็เพราะว่า พวกคุณเคยเป็นชาวเลมูเรียมาก่อน พวกคุณคือจิตวิญญาณเก่าแก่ที่มาอยู่ในยุคพลังงานใหม่นี้

“ครายออน นี่หมายความว่าจิตวิญญาณของฉันไม่เคยอยู่ที่นี่ในช่วงก่อนปี ค.ศ.1900 อย่างงั้นเหรอ?”

คำตอบก็คือ เรื่องมันซับซ้อน เพราะว่า "ชิ้น" และ "ส่วนหนึ่ง" ของพลังงานของพวกคุณเคยอยู่ที่นี่
แต่ไม่ใช่แก่นแท้ที่เป็นพลังงานทั้งดุ้นของชาวเลมูเรีย

พวกคุณคิดว่าพวกคุณคือสิ่งมีชีวิตเดี่ยวๆ,
เป็นจิตวิญญาณดวงเดียวโดดๆ, มีชื่อๆเดียว,
มีหน้าตาแบบนี้แบบเดียวอย่างงั้นเหรอ?


มันไม่ใช่เลย เพราะว่าทุกๆครั้งที่พวกคุณมีชีวิตขึ้นมา
พวกคุณจะเป็นเหมือนซุปที่ถูกปรุงขึ้นมา และก็ลงมาอยู่ที่โลกใบนี้
พวกคุณยังมีตัวตนที่สูงส่งกว่า (higher self) อยู่อีก
ซึ่งก็มีแก่นแท้เป็นพลังงานเดียวกันกับพวกคุณนั่นแหละ
และก็เป็นแก่นแท้ของพลังงานเดียวกันอยู่ตลอดเวลาด้วย

แต่สิ่งที่ล้อมรอบแก่นแท้ของพลังงานของพวกเขาอยู่ ก็คือจิตวิญญาณที่สูงส่ง
แต่ตอนนี้พวกคุณบางคน ก็ได้กลับมาพร้อมกับมีแก่นแท้ของพลังงานของชาวเลมูเรียห้อมล้อมอยู่แล้ว
ซึ่งมันคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานกว่า 50,000 ปี

และ ชิ้นส่วนของ DNA เหล่านั้นก็กำลังถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นอยู่

................................................................................................................................................................


ตอนที่ 18: ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก (ต่อ)

ถ้าพวกคุณจำสิ่งที่เราพร่ำบอกกับพวกคุณมาตลอดหลายปีแล้วนั้นได้ว่า

ระดับความสั่นสะเทือนของคนทั้งโลก จะเปลี่ยนแปลงไปได้
ต้องการจำนวนคนที่จะมากระตุ้นให้มันเกิดขึ้น
เพียงแค่ไม่เกิน 0.5% ของจำนวนประชากรทั้งโลกเท่านั้นเอง
แล้วพวกคุณก็จะเข้าสู่ปี 2012 ด้วยระดับความสั่นสะเทือนใหม่ได้


นั่นคือจำนวนไม่เกิน 0.5% ของประชากรทั้งโลก
ซึ่งมีประมาณ 7 พันล้านคน จะต้อง “ตื่นขึ้น”
(ประมาณ 35 ล้านคน – ผู้แปล) มันไม่ได้มากมายเกินไปเลย

และอันที่จริงแล้ว มันก็แค่ 10% ของชาวเลมูเรียเก่า
ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 350 ล้านคน ที่กำลังมีชีวิตอยู่บนโลก
ในขณะนี้เท่านั้นเอง (ประมาณ 35 ล้านคน – ผู้แปล)


มันเป็นสัดส่วนที่เป็นไปได้มากๆเลย

- พวกคุณกำลังอยู่ตรงช่วงไหนของเหตุการณ์นี้?
- อารยธรรมนี้คาดว่าจะสิ้นสุดลงเมือใด?


เรากำลังจะบอกพวกคุณอยู่นี่แหละ
คำตอบก็คือ อนาคตของพวกคุณ พวกคุณกำลังจะสร้างมันขึ้นมาเอง

เพราะว่าพวกคุณคือผู้ควบคุมอนาคตของตัวเองอย่างแท้จริง
ดังนั้น อารยธรรมของพวกคุณ จะสามารถยืนยาวไปได้
ตราบนานเท่านานเท่าที่พวกคุณปรารถนา


แต่เราก็จะบอกพวกคุณอีกว่า “การทดลองนี้”
ถูกออกแบบมาให้อยู่ได้นานเท่าไหร่ด้วย
พวกคุณบางคนอาจจะหัวเราะเยาะ เพราะว่ามันมีตัวเลขที่โด่งดังอยู่มากมาย
ที่สังคมแต่ละสังคมของพวกคุณเชื่อถือกัน จนกลายไปเป็นหลักปรัชญา หรือศาสตร์ลี้ลับของพวกคุณไปแล้ว

แต่บ่อยครั้งที่
ในสาระสำคัญของพวกมัน มันก็มีความจริงแฝงเร้นอยู่
หนึ่งในนั้นก็คือ
144,000 ปี ซึ่งตัวเลขนี้แหละ ที่ปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง ในสิ่งต่างๆมากมาย
มันอยู่ในสัญชาตญาณของพวกคุณ และพวกคุณก็รู้อยู่แล้วด้วย

มันคือระยะเวลาที่มีหน่วยเป็นปีของ “การทดลอง”
..นั่นก็คือ 144,000 ปี..



……….............................................................................................................................................….



ตอนที่ 19: ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก (ต่อ)
ตอนนี้พวกคุณกำลังนั่งอยู่ตรงช่วง 100,000 ปี (นับตั้งแต่ชาวกลุ่มดาวลูกไก่มายังโลกในครั้งกระโน้น)
พวกคุณเห็นไหมว่ามันยังเหลือเวลาอีกนานโขเลย ถ้าพวกคุณไม่ทำลายตัวเองไปซะก่อน
และชาวเลมูเรียก็สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ด้วย ซึ่งพวกเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้วด้วย

พวกคุณยังมีเวลาพอสำหรับการลุกขึ้นมาให้ความร่วมมือ
และปรับตัวให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณในครั้งนี้


และชาวมายันก็ได้พยากรณ์เอาไว้ด้วย พลังงานของไกอาเอง
จะเริ่มเปลี่ยนระดับสูงขึ้นจริงๆในปี 2012 และวัฏจักรใหม่
ที่กินเวลายาวนานกว่า 1,000 ปีก็จะเริ่มขึ้น


มันจะเป็นวัฏจักรที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณของพวกคุณมากขึ้น
มากกว่าพลังงานของวัฏจักรที่พวกคุณเกิดมาซะอีก


มีคำถามถามมาตลอดว่า..

“ถ้าอย่างงั้น เมื่อไหร่พวกเราถึงจะได้พบกับพี่น้องของคุณหละ?”
“เมื่อไหร่ที่ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ถึงจะกลับมาเยือนโลกอีกครั้งหละ?”


โอ..เรื่องนี้เราไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องลึกลับอะไรสำหรับพวกคุณเลย

เพราะว่าพวกเขาก็มาเยือนพวกคุณเป็นประจำอยู่แล้ว
ซึ่งพวกคุณบางคนก็สามารถมองเห็นพวกเขาได้

แต่บางคนก็ไม่ พวกเขาไม่เคยมีแผนการร้ายอะไรต่อพวกคุณเลย
ที่รักทั้งหลาย เมื่อพวกเขามองดูพวกคุณ พวกเขามองดูด้วยความรัก
ที่ได้เห็นว่าสวนแห่งนี้มีความเจริญงอกงามเพียงใด

และถ้าหากว่าอารยธรรมของพวกคุณอยู่กันไปจนครบ 144,000 ปีได้แล้ว ในช่วงปลายๆของช่วงเวลานี้
พวกคุณก็จะเป็นเหมือนพวกเขานั่นแหละ

ดาวเคราะห์โลกของพวกคุณจะเป็นดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่รู้แจ้งแล้ว
และเป็นดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่มีคุณสมบัติต่างๆ
ของดวงอาทิตย์ศูนย์กลางอันยิ่งใหญ่
(The Great Central Sun)


…[ครายออนยิ้ม]...


…………….........................................................................................................................................



ตอนที่ 20: ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก (ต่อ)

และเรามีอะไรบางอย่างอีกที่อยากจะบอกพวกคุณ ซึ่งพวกคุณหลายคนอาจจะไม่อยากฟังนัก
ว่าถ้าคุณคนใดคนหนึ่งในห้องนี้ เป็นหนึ่งในชาวเลมูเรียจริงๆ พวกคุณก็กำลังจะได้ไปที่นั่นอีก!
ไปในที่ๆคุณจากมาหลายภพชาติแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าพวกคุณรักดาวเคราะห์โลกใบนี้มากนั่นเอง

พวกเราได้เคยบอกพวกคุณหลายครั้งแล้วว่า ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เมื่อพวกคุณมองดูตัวเองในกระจกเงา
แล้วพวกคุณก็พูดในใจว่า


“ฉันเหนื่อยเหลือเกินแล้ว ฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีก” พวกคุณจะพูดว่า
“ฉันได้ทำภารกิจของฉันเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว ฉันทำมามากพอแล้ว และฉันไม่ต้องการที่จะมาทำแบบนี้อีกแล้ว

จากนั้นพวกคุณก็จะตัดสินใจไปตามแบบมนุษย์ๆที่ว่านั้น
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตัวตนของพวกคุณก็พูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า จะขอกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

..มันน่าขำไหมหละ? …[ครายออนหัวเราะ]



พวกคุณทุกๆคนกำลังกลับมาใหม่อีกครั้งแล้ว นั่นแหละคือสิ่งที่พวกคุณทำ
พวกคุณไม่อาจรอคอยต่อไปได้อีกแล้ว คำว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว” คือสิ่งที่ร่างมนุษย์นี้พูด

แต่สำหรับอีกฟากหนึ่งของชีวิต ที่อยู่ฝั่งโน้น
มันไม่มีหรอกนะคำว่าเหนื่อยแล้วหนะ
มันมีแต่ “ความเมตตากรุณา”
เท่านั้น
การทดลองที่พวกคุณกำลังทำอยู่นี้ มันเป็นการทดลองเกี่ยวกับ

“ความเมตตากรุณา” ล้วนๆเลย



ปี ค.ศ.1987 ได้เกิดปรากฏการดาวเรียงกันครั้งใหญ่ ที่เรียกว่า Harmonic Convergence
ส่วนในปี ค.ศ. 2002 เป็นปีที่โครงข่ายแม่เหล็กโลกถูกปรับตั้งจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์
และเป็นปีที่ “ประสบการณ์คริสตัลไลน์” (Crytalline experience) ได้เริ่มต้นขึ้น

ปี ค.ศ. 2004 เป็นปีที่เกิดสึนามิขึ้น และเป็นปีที่ดาวศุกร์ (Venus) โคจรผ่านโลกไป
(transit)
ปี ค.ศ. 2012 จะเป็นปีที่ดาวศุกร์โคจรผ่านโลกอีกครั้งหนึ่ง


เหล่านี้คือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการส่งผ่านพลังงานความเมตตากรุณาแห่งเพศหญิง เข้ามาสู่โลกใบนี้

หากพวกคุณค่อยๆรับเอามาและค่อยๆใช้พลังงานนี้อย่างช้าๆ พวกคุณก็จะสามารถ
เข้าไปสู่ยุคพลังงานใหม่ได้อย่างมั่นคง พลังงานนี้จะทำให้โลกใบนี้
ซึ่งขาดความสมดุลของความเมตตากรุณามานานแสนนานแล้ว เกิดความสมดุลขึ้นได้

.................................................................................................................................................................


ตอนที่ 21: (จบครับ)
“ครายออน หากคุณสามารถบอกได้ว่าตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ตรงจุดไหน แล้วพวกเราจะทำอย่างไร?”

พวกคุณจะไม่ได้มาอยู่ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ พร้อมกับการสื่อสารทางโทรจิตนี้
หากว่ามันไม่ใช่เพราะว่ามันถูกที่ ถูกเวลาของมันแล้ว

ในวันหนึ่งข้างหน้า หากพวกคุณหันกลับมามองย้อนหลัง
ดูประวัติศาสตร์ของพวกคุณเอง พวกคุณก็อาจจะเรียกช่วงเวลาในขณะนี้ว่า
“ยุคแห่งความมืดมิดของการรู้แจ้ง” ซึ่งพวกคุณบางคนก็รู้ดี



ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ประตูแห่งความเข้าใจด้านจิตวิญญาณ กำลังค่อยๆเปิดออกเรื่อยๆ

ต่อไปนี้คือคำศัพท์ที่อาจจะแปลได้ไม่ถูกต้องในทุกๆภาษาเสมอไป แต่ช่วงเวลาที่พวกคุณกำลังอยู่นี้
จะกลายเป็นที่รู้จักกันในวันข้างหน้า ในนามของ

“ยุคแห่งความขัดแย้งทางความเชื่อเรื่องพระเจ้าองค์เดียว” (The age of conflicting monotheism)

เพราะว่าทุกๆคนก็ยอมรับตรงกันว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียว
แต่ก็ไม่มีใครยอมรับในพระเจ้าของใครเลย


นั่นแหละคือสิ่งที่พวกคุณจะต้องค้นหาคำตอบกันต่อไป และหากเพียงพวกคุณ
หันกลับไปมองย้อนดูประวัติศาสตร์ใดๆก็ได้ของพวกคุณเองอีกที แล้วดูว่าปัญหาต่างๆเหล่านั้น
มันถูกแก้ไขไปได้อย่างไร ปัญหานี้ก็เช่นกัน ก็จะถูกแก้ไขได้ด้วยวิธีนั้นๆเหมือนกัน

เราจะขอจบเพียงแค่นี้ก่อน บทสรุปของวันนี้คืออะไร เดี๋ยวเราจะบอกพวกคุณเอง

นั่นก็คือ “ความเมตตากรุณา” และ “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”


พวกคุณสามารถเผื่อแผ่แสงสว่าง (ความรู้สึกดีๆ สิ่งดีๆ น้ำใจ และ ฯลฯ ที่ดีๆ – ผู้แปล)
ออกไปให้แก่ผู้คนรอบข้างพวกคุณได้มากแค่ไหน?

พวกคุณสามารถส่งแสงสว่างไปให้คนอื่นๆที่กำลังอยู่บนเรือลำนี้ และกำลังต้องการมันอยู่ได้ไหม?
แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้มาร่วมอยู่ในการชุมนุมครั้งนี้ก็ตาม หรือแม้แต่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพลังงานนี้เลยก็ตาม
หรือแม้แต่ไม่มีความเชื่อเรื่องพระเจ้าเลยก็ตาม

พวกคุณสามารถช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของคนอื่นได้ไหม?
พวกคุณมีความสามารถที่จะจับมือพวกเขาไว้ด้วยแสงสว่างไหม?


เราอยากจะบอกบางอย่างกับพวกคุณว่า ระบบได้นำพาพวกเขามาที่นี่
ดังนั้น พวกคุณก็สามารถทำเช่นเดียวกันนี้ได้ด้วย พวกคุณยอมรับไหม?

ถ้างั้นก็เอาเลย ชาวเลมูเรียทั้งหลาย ลงมือทำเลย

ขอต้อนรับเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ (New Age)

และมันก็มีเช่นนี้แล


ครายออน
KRYON


KRYON -Cruise 8 - History of Humanity